เชอร์วู้ดคอร์ปอเรชั่น จัดทัพทีมบริหารใหม่ ลุยวิสัยทัศน์ Change to Win ขยายกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค รุกชิงตลาดเครื่องดื่ม มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ตั้งเป้า 5 ปี ดันรายได้รวมแตะ 1 หมื่นล้านบาท ยกระดับสู่บริษัทระดับโลก พร้อมวางแผนบุกตลาดส่งออกทั่วโลก
บริษัท เชอร์วู้ดคอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SWC ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภค-บริโภค ภายใต้แบรนด์ เชนไดร้ท์ เชนการ์ด ทีโพล์ ในเครือบริษัท ทีโอเอ เปิดตัวคณะผู้บริหารชุดใหม่ พร้อมชูวิสัยทัศน์ ‘SWC Change to Win’ กับยุทธศาสตร์ Diversification พอร์ตโฟลิโอสินค้าเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท เชอร์วู้ดคอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SWC ได้ขยายธุรกิจครั้งใหญ่ด้วยแนวคิด ‘SWC Change to Win’ โดยปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Diversification เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ 3 แกนหลัก ‘Safety - Wellness - Care’ ที่เน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีความปลอดภัยและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค และมุ่งสร้างความหลากหลายผ่านการขยายกลุ่มธุรกิจ และแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ รองรับการขยายธุรกิจในระดับโลก รุกชิงตลาดเครื่องดื่มแสนล้าน ธนากร วัฒนวิจารณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SWC กล่าวว่า การขยายเข้าสู่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกลุ่ม SWC ถือเป็น New S Curve เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยนำจุดแข็งของบริษัทฯ มาต่อยอดสู่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยสร้างแบรนด์เครื่องดื่มสมุนไพร ซุปเปอร์ไฟต์ (SuperFight) รับเทรนด์ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยมีมูลค่า 1.55 แสนล้านบาท สำหรับแบรนด์ ซุปเปอร์ไฟต์ จะเป็นสินค้าหลักที่ขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งตลาดตะวันออกกลาง จีน แอฟริกา และออสเตรเลีย โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์ไฟต์ จะสร้างรายได้ 400 ล้านบาทในปีนี้ หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของรายได้รวม และภายใน 5 ปี จะมีรายได้ 2,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของรายได้รวมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท “เป้าหมายของเราคือการเป็นผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทย ขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน เพื่อเปลี่ยนจากการเป็นโลคอล คอมพานี สู่การเป็นโกลบอล คอมพานี” ธนากรกล่าว สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ‘ซุปเปอร์ไฟต์ (SuperFight)’ มีแผนขยายช่องทางจำหน่ายให้ได้ 1 แสนร้านค้าในปีนี้ ทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านค้าทั่วไป พร้อมเปิดตัว ‘โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์’ เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้เตรียมการออกผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา โดยมีเป้าหมายการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศ และตลาดโลก ทั้งเครื่องดื่ม SuperFight ผลิตภัณฑ์ถั่วมารูโจ้ และผลิตภัณฑ์นมและไอศกรีมแบรนด์ฮอกไกโด ปัจจุบัน บริษัทรุกตลาดสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ใน 3 ตลาดหลัก 3 แบรนด์ ได้แก่ ตลาดขนมขบเคี้ยว มูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “มารูโจ้” ตลาดผลิตภัณฑ์นม มูลค่า 6.6 หมื่นล้านบาท ในแบรนด์ “ฮอกไกโด” และตลาดเครื่องดื่มมูลค่า 1.55 แสนล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร “ซุปเปอร์ไฟต์” โดยปีนี้มีแผนใช้งบรวม 100 ล้านบาท ในการทำตลาดสินค้าบริโภคดังกล่าว สำหรับ กลุ่มธุรกิจ Non-Food ที่มีผลิตภัณฑ์ป้องกันและจำกัดปลวกและแมลงรบกวนแบรนด์ ‘เชนไดร้ท์’ และผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานแบรนด์ ‘ทีโพล์’ บริษัทจะดำเนินการ Re-Branding ปรับโฉมภาพลักษณ์สินค้าให้ทันสมัย ผ่านการใช้พรีเซ็นเตอร์เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าภายใต้กลยุทธ์ O2O ผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน พร้อมต่อยอดความแข็งแกร่งแบรนด์ ‘ทีโพล์’ ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภครายย่อย (B2C) ไปสู่การขยายฐานลูกค้ากลุ่มองค์กร (B2B) ที่มีมูลค่าตลาด 9,500 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 2,000 ล้าน ธนากร กล่าวว่า สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้ 308 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 166 ล้านบาท ขณะที่ช่วงครึ่งแรกของปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากการฉีควัคซีนกระจายไปจำนวนมาก จะทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 บริษัทคาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมุ่ง 5 กลยุทธ์หลักที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ได้แก่ การขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย สร้างกลยุทธ์การเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผ่านการใช้พรีเซนเตอร์เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า บริษัทให้ความสำคัญกับสินค้าที่สร้างกำไรสูง เพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าโดยใช้ระบบอัตโนมัติ การพัฒนาช่องทางการจำหน่าย และระบบโลจิสติกส์ และมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น โดยที่ผ่านมา SWC มีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ “แนวทางการบริหารงานของผู้บริหารชุดใหม่ จะเน้นที่สปีด (ความเร็ว) เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ มีการตั้งเป้าหมายแบบ aggressive มากขึ้น เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร เพื่อไปสู่การเป็นโกลบอล โปรเฟสชั่นนอลมากขึ้น เพิ่มสปีดเพื่อมุ่งสู่ชัยชนะ” ธนากรกล่าว อ่านเพิ่มเติม: แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป สนับสนุนพาร์ตเนอร์คนขับและร้านค้าฝ่าวิกฤตไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine