หมาป่าแห่งวอลสตรีทบุกเมืองไทย - Forbes Thailand

หมาป่าแห่งวอลสตรีทบุกเมืองไทย

FORBES THAILAND / ADMIN
29 Dec 2015 | 06:37 PM
READ 6388
เรื่อง: กฤติยา วงศ์เทววิมาน ภาพ: กานต์ สุจนิล


เรื่องราวของนายหน้าค้าหุ้นชื่อดังของสหรัฐอเมริกา Jordan Belfort เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street ถูกฉายต้นปี 2014 และกวาดรายได้มหาศาล ภาพยนตร์สร้างจากชีวิตจริงของเขา ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีและผลาญเงินมหาศาลไปกับปาร์ตี้ ยาเสพติด และท้ายที่สุดก็ถูกขัง 22 เดือนในเรือนจำสหรัฐฯ ด้วยข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน เขาเขียนหนังสือ The Wolf of Wall Street ตีแผ่ชีวิตของเขาเอง จากรุ่งสู่ร่วง รวมทั้งเรื่องการเงิน และแง่คิดชีวิตขณะอยู่ในเรือนจำ พร้อมกลับตัวกลับใจและตั้งปณิธานในการนำประสบการณ์ชีวิตมาถ่ายทอดเป็นบทเรียนกับผู้อื่นให้ทำธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและศีลธรรม


แม้เรื่องราวของ Belfort ในภาพยนตร์ (และชีวิตจริง) อาจดูไม่สวยงามนัก และอาจพลาดพลั้งจากการทำผิดในช่วงหนึ่งของชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ Belfort เป็นนักขายที่มีทักษะในการโน้มน้าวใจระดับเทพ ผู้เป็นเจ้าของวลีสุดฮิต “Sell Me This Pen” หรือ “ขายปากกานี้ให้ฉัน” ด้วยแง่คิดที่ว่าถ้าใครขายปากกาได้ ก็ขายทุกอย่างได้


ล่าสุด Belfort ได้นำทักษะการขายมาเผยแพร่ให้กับแฟนชาวไทย ในงาน The Wolf of Wall Street Jordan Belfort Live in Bangkok จัดโดย Ultimate Success Partners ที่อิมแพค เมืองทองธานี และให้สัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ Forbes Thailand


“Sell Me This Pen” ในแบบฉบับ Jordan Belfort คืออะไร?

มันเป็นคำถามที่เน้นไหวพริบ โดยปกติถ้าคุณถามคำถามนี้กับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักขายตัวยง เขาก็จะพูดว่า “ปากกานี้มันเจ๋งมาก มันดีมาก ทำจากวัตถุดิบยอดเยี่ยม” แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณควรจะถามคำถามกลับไปว่า “คุณชอบใช้ปากกาแบบไหน” และต้องถามคำถามเพื่อเจาะให้ได้ถึงความต้องการของลูกค้า เมื่อเรารู้ถึงความต้องการของลูกค้าเราถึงเริ่มขายในสิ่งที่เขาต้องการ นักขายที่ดีต้องไม่ใช่เป็นฝ่ายพูดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นผู้ตั้งคำถามและฟังเยอะๆ คุณต้องไม่ยัดเยียดขายอะไรให้ใครถ้ายังไม่รู้ถึงความต้องการของเขา

 

นอกจาก Belfort แล้ว อีกหนึ่งผู้บรรยายที่น่าจับตามองของโลกที่มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกเช่นกัน คือ JT Foxx ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “World’s #1 Wealth Coach” นักธุรกิจหนุ่มชาวสหรัฐฯ  มีธุรกิจ 60 แห่งใน 39 ประเทศ เขาเป็นอีกตัวอย่างของผู้ที่เคยล้ม เริ่มจากศูนย์ และใช้เวลาเพียง 9 ปีในการทำธุรกิจจนใกล้จะเป็น “มหาเศรษฐี” ในอีกไม่ช้า ขณะนี้เป็นโค้ชให้คำปรึกษาให้กับนักธุรกิจดังและคนในแวดวงสังคมระดับสูงทั่วโลก ความสามารถในการโค้ชของเขาทำให้ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ถึงกับพูดว่า “JT Foxx เป็นคนที่คล้ายกับ Steve Jobs มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา”


สิ่งที่เซอร์ไพรส์คุณที่สุดเมื่อคุยกับนักธุรกิจในไทยคืออะไร?


ผมเชื่อในนักธุรกิจไทยมากกว่าที่เขาเชื่อในตัวเองเสียด้วยซ้ำ หลายคนมีมุมมองที่ค่อนข้างแคบ และไม่เปิดโอกาสให้กับตัวเอง หลายคนคิดว่าเขาไม่สามารถทำธุรกิจต่างประเทศได้ คนไทยมักมีแนวคิดที่ว่าต้องทำงานดีๆ ที่มั่นคงปลอดภัย แต่จริงๆ คุณทำธุรกิจได้ถ้าจะทำ ผมมีธุรกิจชุดสูทและเน็คไทในไทย ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนผมมองหาโอกาสเสมอ อย่างวันก่อนผมไปบรรยายที่สวีเดนประเทศผมไม่เคยไปมาก่อน แต่สองสัปดาห์หลังจากนั้นผมก็ซื้อธุรกิจที่นั่นเลย ผมไม่ใช่คนที่ไปที่ไหนแล้วไปครั้งเดียว แต่ต้องกลับไปอีก กลับไปลงทุน กลับไปช่วยสังคม


Ultimate Success Partners ก่อตั้งโดยพาร์ทเนอร์ธุรกิจ 4 คน ซึ่งหนึ่งในหัวเรือหลัก คือ ชนะ วนิชพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานสัมมนาและเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในด้านการเงิน การขาย และการลงทุนมาในประเทศไทยเพื่อให้ความรู้ แรงบันดาลใจ และพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้มากขึ้น “การสัมมนาจะช่วยให้เราออกจากกรอบวิธีคิดเดิมๆ ใช้ชีวิตเดิมๆ  เป็นการเบรกตัวเองและเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ เปิดมุมมองวิธีคิดที่บางทีอยู่กับเราอยู่แล้วแต่เราไม่เคยได้หยุดคิด และดึงศักยภาพของตัวเองออกมา” ชนะกล่าว พร้อมเล่าว่าตัวเขาเองได้เดินทางไปรับฟังการสัมมนามาแล้วทั่วโลก รวมทั้งสัมมนาของ Joseph Bower ผู้ให้คำปรึกษากับ Steve Jobs โดย Ultimate Success Partners จัดงานสัมมนาใหญ่ 4 ครั้งต่อปี และคาดหวังให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมในเอเชีย สำหรับการจัดเทรนนิ่งและสัมมนา


คลิ๊กอ่าน "หมาป่าแห่งวอลสตรีทบุกเมืองไทย" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ DECEMBER 2015