อาหารทานเล่นที่เติบโตไม่ใช่เล่นในประเทศไทยมูลค่าตลาดถึง 2.9 หมื่นล้านบาทในประเทศไทย การต่อสู้และชิงชัยระหว่างเจ้าตลาดและหน้าใหม่ ด้วยกลยุทธ์เพื่อครองใจผู้บริโภค
ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 2.9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 1.42% ของตลาดโลก และมีอัตราการเติบโตในปี 2552-2557 เฉลี่ย 9% ต่อปี ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ซึ่งคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยการทำตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่และสินค้ารูปแบบใหม่จะเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตและหลากหลายมากขึ้น
โดยสอดคล้องกับความคิดเห็นจาก เพลินใจ จิระจรัส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน ด้านปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ถึงการแข่งขันในธุรกิจอาหารทานเล่นภายในประเทศ ที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ตบเท้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่การเข้าชิงชัยของผู้ประกอบการหน้าใหม่ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคยังติดอยู่กับโฆษณาและความสะดวกในการหาซื้อ อาทิ ประเภทมันฝรั่งที่คิดเป็น 34% ของตลาดนี้ยอดขายยังคงกระจุกตัวสองบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 90%
ทั้งนี้ผู้ประกอบการใหม่ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อำนาจต่อรองและนโยบายของผู้จัดจำหน่ายและผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด เนื่องจากขนมขบเคี้ยวต้องอาศัยช่องทางจัดจำหน่ายอย่างมาก
การวิเคราะห์ของตลาดขนมคบเขี้ยวที่สำคัญยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ อาทิ ความผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจ การจัดกิจกรรมทางการตลาดและการจัดชิงโชค กระแสการให้ความสำคัญกับคุณค่าอาหาร และ แนวโน้มของผู้บริโภคที่จะทดลองหรือยอมรับสินค้าใหม่ๆ และความลดลงของความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง (brand loyalty)
สำหรับกระแสความนิยมในตลาดโลก ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศที่เจริญ เช่น สหรัฐ ยุโรป จะหันไปยังอาหารว่างที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้ ธัญพืชอัดแท่ง โยเกิร์ต มากขึ้น ซึ่งขนมขบเคี้ยวสัญชาติไทยมีความสามารถทำตลาดในต่างประเทศได้
คลิ๊กอ่าน "ส่องตลาด Snack ไทย ศึกขับเคี่ยวของขนมขบเคี้ยว" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ OCTOBER 2015