สิ่งที่ผู้นำควรรู้ จากความพ่ายแพ้ในบราซิล 2014 - Forbes Thailand

สิ่งที่ผู้นำควรรู้ จากความพ่ายแพ้ในบราซิล 2014

FORBES THAILAND / ADMIN
15 Jul 2014 | 07:30 AM
READ 2284
ก่อนความสำเร็จของทีมชาติเยอรมนีในฟุตบอลโลก 2014  เกมก่อนหน้านัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเยอรมนีสามารถเอาชนะบราซิลไปได้ถึง 7-1 เราสามารถถอดบทเรียนจากชัยชนะและความพ่ายแพ้ในเกมประวัติศาสตร์นัดนี้ได้
 
1.เชื่อมั่นในศักยภาพของคนหนุ่ม
ความประทับใจต่อตัวนักฟุตบอลเยอรมนี ลูกทีมของ Joachim Low นั้น มิใช่เป็นแค่ว่าพวกเขาเป็นคนหนุ่มเท่า และมากความสามารถเท่านั้น แต่เป็นเพราะได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์เกมมาตั้งแต่อายุยังน้อยอีกด้วย แม้ว่าภายในทีมจะมีรุ่นใหญ่วัย 36 ปีอย่าง Miroslav Klose เจ้าของสถิติผู้ทำประตูรวมสูงสุดในฟุตบอลโลกคนล่าสุดก็ตามที แต่อายุเฉลี่ยของทีมที่เจอกับทีมชาติบราซิลอยู่ที่ 24.8 ปีเท่านั้น แต่กลับผ่านประสบการณ์ในเกมระดับนานาชาติมากมาย เช่น Kroos (24 ปี) Muller (25 ปี)   หรือ Ozil (25 ปี) ต่างเริ่มต้นทัวนาเม้นท์ฟุตบอลโลกคราวนี้ หลังผ่านเกมระดับชาติมากกว่า 40 แมทช์ นอกจากนี้หลายคนยังผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้มาแล้ว ทีมชาติเยอรมนีทีมนี้จึงเป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ยน้อยสุดอันดับที่สองในทัวนาเม้นท์ และยังเป็นทีมชาติเยอรมนีที่หนุ่มที่สุดนับตั้งแต่ปี 1934 จึงเป็นเรื่องที่ไม่งานนักสำหรับการตัดสินใจของผู้จัดการทีมในระหว่างการแข่งขัน ที่เกมนัดนั้นอาจเป็นนัดสุดท้ายในทัวนาเม้นท์ก็ได้ แต่การส่งเสริมคนหนุ่มอย่างจริงจัง จนก้าวสู่ตำแหน่งระดับนำได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในแวดวงธุรกิจแล้วทำได้ยากกว่าเกมกีฬา แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าลอง หากว่าคุณมีการเทรนนิ่งงานอย่างถูกต้อง และมีระบบติดตามตรวจสอบที่รวดเร็วทันท่วงที
 
2.ให้เวลากับผู้จัดการเพื่อสร้างความสำเร็จ
Low วัย 54 ปี ในฟุตบอลโลก 2014 ครั้งนี้ เป็นการคุมทีมในทัวนาเม้นท์งานที่สีของเขา นับตลอดช่วงเวลาการคุมทีมชาตินานแปดปี โดยได้สร้างสถิติอันเยี่ยมยอด พาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศและรองชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในปี 2008 และ 2012 ตามลำดับ และในฟุตบอลโลก 2010 ก็ไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศเช่นกัน ถึงแม้ว่าทีมชาติเยอรมนีจะยังไม่เคยเป็นแชมป์โลกนับตั้งแต่ปี 1990 และไม่เคยเป็นแชมป์ยุโรปตั้งแต่ปี 1996 แต่ Low แทบจะไม่เคยเกิดปัญหาบั่นทอนเก้าอี้ผู้จัดการทีมชาติเลย หลังจากเริ่มต้นงานเมื่อปี 2006 ด้วยสัญญาจ้างเพียงสองปีเท่านั้น การต่อเวลาให้นานถึงแปดปีต้องถือว่านานมาก สำหรับการคุมทีมชาติที่ไม่ประสบความสำเร็จในทัวนาเม้นท์ใดๆ ทั้งสิ้น และต้องชื่นชมผู้บริหารสมาคมฟุตบอลเยอรมนีที่ให้เวลากับ Low สำหรับการทำงานในระดับนี้โดยยังไม่ได้รับผลสำเร็จแต่อย่างใด
 
3.ใส่ใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
การวิจารณ์เรื่องในอดีตเหมือนว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทว่าใบเหลืองที่กัปตันทีมชาติบราซิล Thiago Silva ได้รับ ในข้อหากีดขวางการเปิดบอลของผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม ในเกมรอบแปดทีมสุดท้ายกับทีมชาติโคลัมเบียนั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทั้งที่เป็นผู้เปิดสกอร์แรกให้กับทีมขึ้นนำแท้ๆ ตัวเขาสามารถหลีกเลี่ยงโทษแบนนี้ได้ไม่ยากเย็นเลย ทำให้นัดต่อมา เกมรับของทีมต้องเสียกระบวนอย่างหนัก เพราะขาดหัวใจหลักของทีมอย่างเขา อันเกิดจากบทลงโทษที่เขาไม่ควรต้องได้รับ หากทีมบราซิลเล่นฟุตบอลด้วยวินัยที่ดีกว่านี้ กรณีดังกล่าวเทียบเคียงได้กับการทำธุรกิจ ว่าไม่ต่างไปจากพนักงานขายผู้สามารถทำยอดได้สูง แต่หลงลืมวินัยประจำองค์กร มุ่งแต่แสวงหาความสำเร็จของตัวเองตามลำพัง และที่สำคัญ silva ยังเป็นกัปตันทีมอีกด้วย จึงสมควรถูกตำหนิมากกว่าคนอื่น
 
4.ต้องมั่นใจว่าคุณยังมีคนสำคัญ
หากการขาด Silva ในนัดที่ต้องเจอทีมชาติเยอรมนีเป็นหัวใจของความพ่ายแพ้แล้ว การไม่มี Neymar กองหน้าวัย 22 ปี ที่ทำไปแล้ว 4 ประตูในทัวนาเม้นท์ ต้องถือเป็นการฆ่าตัวตายเลยทีเดียว อาการบาดเจ็บจนต้องออกจากนัดแข่งกับโคลัมเบีย ทำให้เขาต้องจบการลงสนามในฟุตบอลโลก เมื่อปราศจากอาวุธเพื่อโจมตีคู่แข่งขันเสียแล้ว ย่อมทำให้เกมบุกอ่อนปวกเปียก ในขณะที่เกมรับก็ขาดคนบัญชาการ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะวิจารณ์ว่าทีมที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่สมาชิกที่พร้อมอุทิศตัวเองนั้น ย่อมเหนือกว่าทีมที่ลงสนามด้วยแรงจูงใจ หรือการนำโดยผู้นำอัจฉริยะ แต่ลืมไปว่าฟุตบอลไม่ใช่เกมของคนคนเดียว ไม่ว่าเขาจะเป็น Messi หรือใครก็ตาม สำหรับในชั้นเชิงทางธุรกิจแล้ว ความเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ต้องมีมากไปกว่าการนำแผนสำรองมาใช้งาน ในยามที่ผู้บริหารผู้เก่งกล้าต้องหลุดออกไปนอกวงโคจร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ฝ่ายเสธฯ ที่อยู่เหนือสุดของคนเก่งนั่นแหละคือคำตอบ บริษัทชั้นนำอย่าง Tesco, Dixons และ Burton อดีตผู้ผลิตเครื่องแต่งกายชาย มีตัวอย่างจากในอดีตมาแล้ว ว่าพวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
 
5.ทำสิ่งที่ถูกต้องยามเกิดวิกฤต
เป็นธรรมดาที่นักฟุตบอลบราซิลอยากจะมุดดินหนีความอับอาย หลังความพ่ายแพ้ถึง 7-1  แต่ทว่าผู้จัดการทีม Luis Felipe Scolari ก้าวเข้าสู่สนาม พร้อมทั้งสั่งให้ลูกทีมเดินหน้าไปหาแฟนๆ เพื่อขอบคุณพวกเขา หลังจากคอยเชียร์ให้กำลังใจมาตลอดการแข่งขัน แม้ว่าการทำเช่นนี้จะไม่ช่วยทุเลาความผิดหวังในเกมได้ แต่ก็เป็นการแสดงความคาราวะที่ดี และยังอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาอันรุนแรงจากกลุ่มแฟนบอลได้ เฉกเช่นเดียวกับการเผชิญหน้ากับความล้มเหลวในฐานะผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทมหาชนที่เพิ่งจะอ้างถึงนั้น หาใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เลย แต่ความพยายามที่จะสื่อสารในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไร ย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
 
6.ต้องมีความรับผิดชอบส่วนบุคคล
แม้ว่า Scolari จะร่ำรวย และเป็นโคชผู้มากประสบการณ์ รับแต่งานว่าจ้างราคาแพงจนแทบจะไม่เคยขาดมือเลย ตัวเขายังเคยพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2002 มาแล้ว และยังพาทีมชาติโปรตุเกสเข้านัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรในปี 2004 อีกด้วย  ดังนั้นแล้วเป็นเรื่องง่ายดาย ที่เขาอาจจะหยักไหล่ใส่ความพ่ายแพ้หนนี้ แต่การให้สัมภาษณ์ภายหลังเกม เขายอมรับเองว่าเป็นช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของชีวิต เขาเต็มใจวางตัวเองไว้กับแฟนบอลชาวบราซิลที่กำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ผิดหวัง เพื่อแบ่งปันความเจ็บปวดครั้งนี้ร่วมกัน แม้ว่าอาจไม่มีทางเลือกให้ทำอย่างอื่นมากนัก ก็ต้องถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ในฐานะผู้บริหารระดับอาวุโส ที่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบของตัวเองต่อความล้มเหลวขององค์กร
 
7.บริหารจัดการความคาดหวัง
เมื่อประเทศบราซิลกลับมาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1950 (ครั้งนั้นบราซิลแพ้อุรุกวัยในนัดชิง) ความคาดหวังจึงเกิดขึ้นอย่างพุ่งพรวดพราด ชัยชนะอย่างเดียวเท่านั้นที่จะยอมรับได้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับความล้มเหลวอันน่าอับอายเช่นนี้ จึงเป็นการณ์ยากที่จะลืมหรือจะให้อภัย ทาง Scolari และทีมชาติบราซิลได้ทำอะไรบ้างไหมเพื่อลดความคาดหวังในครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นภาระงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในประเทศที่มิใช่แค่คลั่งฟุตบอล แต่ยังสุขสำราญไปกับความสามารถทางฟุตบอลโดยธรรมชาติ จนพาทีมชาติครองแชมป์มาแล้วมากมายหลายรายการ นายใหญ่ของบริษัทก็มิได้วางเกณฑ์ไว้เสียสูงจนเกินไป ทว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Tesco อย่าง Phil Clarke พบว่ามันมิใช่เรื่องง่าย ที่ต้องทำงานตามหลังตำนานอย่าง Sir Terry Leahy และ  Mike Coupe ซึ่งทั้งคู่ก็อาจเผชิญความท้าทายคล้ายๆ กัน หลังเทคโอเวอร์กิจการมาจาก Justin Rose แห่ง Sainsbury เคล็ดลับในเรื่องนี้ก็คือ อย่าได้พยายามลดความคาดหวังของผู้อื่น หากแต่ต้องบริหารจัดการพวกเขาให้สำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย จนไม่ต่างอะไรกับการเอาชนะทีมชาติเยอรมันในเกมนั่นแหละ
 
 
(หมายเหตุ: บทความนี้เขียนขึ้นหลังเกมรอบรองชนะเลิศระหว่างเยอรมนี-บราซิล และก่อนแมทช์ชิงชนะเลิศระหว่างเยอรมนี-อาร์เจนติน่า ก่อนทีมชาติเยอรมันจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ไปได้)



เรียบเรียงจาก Seven Pointers For Business Leaders From Brazil's World Cup Humiliation โดย Andrew Cave

TAGGED ON