ลาก่อน IPO / สวัสดี ICO! - Forbes Thailand

ลาก่อน IPO / สวัสดี ICO!

FORBES THAILAND / ADMIN
13 Feb 2018 | 06:55 PM
READ 12382

ปี 2017 เป็นปีที่ดีมากสำหรับ IPO เนื่องจากมีบริษัทที่ดีมากมายเข้าสู่ตลาดหุ้นเมื่อปีที่แล้ว เมื่อมองถึงปีนี้ ก็ยังคงมีบริษัทที่มีความน่าสนใจจำนวนมากที่สามารถเข้าตลาดได้ และก็คงจะไม่มีช่วงเวลาที่ดีไปกว่านี้แล้วหากมองถึงตลาดหุ้น SET ที่ทำจุด High สูงสุดเป็นประวัติกาล

ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ เพราะชื่อหัวข้อกำลังบอกลาเป็นนัยๆ ว่า IPO กำลังจะตายจากโลกนี้ไป แล้วตลาดที่กำลังคึกคักอย่างนี้จะกลายเป็นจุดจบของ IPO  ได้อย่างไรล่ะ บล็อกเชนนั้นเริ่มได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักลงทุนรายบุคคลที่ไม่นิยมชมชอบตลาด IPO และการทุจริตที่เป็นที่รับรู้กันมากขึ้น เพราะระบบ IPO ในปัจจุบันมีการทุจริตกันอย่างน่าเหลือเชื่อ เสมือนกลายเป็นเกมของคนใน เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของ Growth Cycle ของบริษัท ไว้สร้างผลประโยชน์ให้แก่คนรู้จักและโกงเหล่านักลงทุนรายย่อยไปด้วยพร้อมๆกัน ผู้คนจะยิ่งตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทางเลือกอื่นๆ นั้นเริ่มมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าบริษัทที่จะเข้าตลาดหุ้นจะสามารถซื้อขายได้โดยสาธารณชนทั่วไปเนื่องจากเป็นหลักทรัพย์ชนิดหนึ่ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือว่า ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่อยู่มานานนั้นคิดค่าบริการจำนวนมากเพื่อจะที่ออก IPO แต่ธนาคารเหล่านี้กำลังล้มลงและจะถูกทดแทนด้วยระบบต่างๆ ที่มีความเข้มแข็ง คนที่ทำงานธนาคารก็เริ่มตกงานและถูกแทนที่โดยระบบอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Goldman Sachs ได้เริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จัดการกระบวนการ IPO แล้ว เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่านี่คือวิธีการที่เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน Initial Coin Offerings ICO กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งหัวข่าวหรือแม้แต่กระทั่งบทสนทนากับคนขับรถ Uber คนชงกาแฟ และช่างทำผมก็ล้วนยืนยันได้ถึงความน่าสนใจนี้ ตลาดของ ICO เริ่มต้นในปี 2017 อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่พอถึงสิ้นปี มูลค่าการลงทุนทั้งหมดได้สิ้นสุดที่ $3.7 พันล้านเลยที่เดียว แล้ว ICO คืออะไรล่ะ? ICO ย่อมาจาก Initial Coin Offering ถ้าหากเข้าใจในหลักการของ IPO หรือ Initial Public Offering ก็คงจะเข้าใจ ICO ได้ไม่ยากมาก ใน IPO นักลงทุนจะซื้อหุ้นเพื่อมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจ นักลงทุนใน cryptocurrency ก็เช่นกัน แต่เปลี่ยนมาสู่ ICO ที่เป็นการซื้อ token ในระบบ Blockchain คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะตื่นตาตื่นใจกับการทำ ICO ไปมากกว่าเหล่า founder ซึ่งผู้ก่อตั้งเหล่านี้สามารถใช้กระบวนการ ICO ไม่เพียงแต่เพื่อสนับสนุนเงินทุนแก่บริษัทของพวกเขาโดยไม่ทำให้ราคาหุ้นตก แต่ยังเพื่อสร้างการโต้ตอบของผู้ใช้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล และอาจเปลี่ยนแปลงมุมมองของนักลงทุน VC ดั้งเดิม ทุกวันนี้ ICO ถูกมองว่ามาแทนที่ Venture Capital และไม่ใช่สำหรับตลาดของคนทั่วไป แต่ในความคิดของผม นี่เป็นเรื่องของการขยายธุรกิจมากกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับขั้นตอนเหล่านี้ เมื่อบริษัททั่วไปสามารถระดมทุนได้ถึง $250 ล้าน หรือมากกว่านั้นในการทำ ICO เพียงครั้งเดียว หากเทียบกับการระดมทุนของ IPO ทั่วไปที่โดยเฉลี่ยทำได้ต่ำกว่า $100 ล้าน เล็กน้อย จึงทำให้การทำ ICO เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากเลยที่เดียว อย่างน้อยในทางทฤษฎีแล้ว เมื่อบริษัทได้ทำการ ICO ไปแล้ว ตัว token ที่บริษัทขายออกมาระดมทุนนั้นสามารถถูกซื้อขายได้อย่างเสรี ซึ่งหมายความว่าบริษัทได้กลายเป็นบริษัท “มหาชน” แล้ว ถึงแม้จะเป็นในอีกรูปแบบหนึ่ง แม้ว่าการจะทำ ICO นั้นจะอาศัยความสามารถทางเทคนิคที่ค่อนข้างลึก แต่ในอนาคตการทำ ICO นั้นจะง่ายขึ้นมากผ่านกระบวนการพัฒนาของ UX/UI ที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อดูจากสถานการณ์ที่มี ICO มากขึ้นทุกวันนี้ ก็ทำให้ฉุกคิดว่าในอนาคต ตลาด IPO จะหน้าตาเป็นอย่างไร การเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะยังจำเป็นอีกต่อไปไหม ไหนๆ token ของบริษัทก็สามารถซื้อขายกันได้อย่างเสรีอยู่แล้ว แล้วทำไมเราจะต้องรอให้สามารถซื้อขายหุ้นได้เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของ Growth Cycle บริษัท ในเมื่อคุณสามารถซื้อ token ตอนนี้และเติบโตไปพร้อมกับบริษัทตั้งแต่ต้น สิ่งที่ผมเห็นขณะนี้คือสองส่วนระหว่าง 1) ความเป็นเจ้าของในบริษัท และ 2) ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ในการเติบโตของบริษัท ในรูปแบบของหุ้นแบบดั้งเดิมคือ หุ้นของบริษัทเป็นเพียงสกุลหนึ่ง ที่มอบทั้งการกำกับดูแลกิจการและผลตอบแทนทางการเงิน แต่ ICO แยกทั้งสองฝั่งออก โดยการให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการเจริญเติบโตของบริษัทโดยไม่จำเป็นต้องซื้อการกำกับดูแลกิจการ มีนักวิเคราะห์มากมายที่มองว่านี่เป็นพื้นฐานของการทำลายการปฏิวัติของผู้ถือหุ้นและทฤษฏีของกิจการ ไม่มีใครที่จะลงทุนในบริษัทที่เขาไม่มีส่วนแม้แต่น้อยในการกำหนดชะตากรรมของบริษัท แต่ในปัจจุบันผู้ถือหุ้น (อย่างน้อยก็ผู้ถือหุ้นรายย่อย) นั้นมีอำนาจในการควบคุมกิจการที่อยู่ในตลาดหุ้นจริงๆ หรอ แน่นอนว่า ICO อาจไม่สามารถใช้ได้กับทุกบริษัท แม้ว่าจะกลายเป็นคู่แข่งของ IPO แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด แม้จะลดจำนวนบริษัทที่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่บริษัทจะ IPO ได้ เมื่อสภาพคล่องและความสนใจของตลาดเกิดการถดถอย นั้นหมายความว่า IPO กำลังถูกกระหน่ำโจมตี บริษัททุกวันนี้มีเครื่องมือมากมายที่จะหาทุนเพื่อเติบโต อีกทั้งการเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใช้โอ้อวดได้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป การ IPO นั้นได้เป็นอดีตไปแล้ว ยินดีต้อนรับ ICO สู่โลกของเรา
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา