พฤหัสนี้อาจชี้ชะตา Tesco จะขาย Lotus ในไทยเพื่อล้างหนี้หรือไม่? - Forbes Thailand

พฤหัสนี้อาจชี้ชะตา Tesco จะขาย Lotus ในไทยเพื่อล้างหนี้หรือไม่?

FORBES THAILAND / ADMIN
21 Oct 2014 | 05:04 PM
READ 934
Tesco ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอันดับ 1 ของอังกฤษ และอันดับ 3 ของโลก เตรียมแถลงผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรก วันพฤหัส 23 ต.ค.นี้ ท่ามกลางการรอคอยจากบรรดานักลงทุนและผู้ถือหุ้นว่า Dave Lewis ผู้เข้ารับตำแหน่ง CEO ได้ไม่ถึง 2 เดือน จะประกาศแผนลดหนี้อย่างไร เพื่อหยุดการขาดทุนของซุปเปอร์มาร์เก็ตอายุ 95 ปีแห่งนี้ ท่ามกลางการคาดเดาว่า Tesco อาจขายเครือข่ายห้างค้าปลีกในไทยและเกาหลีใต้เพื่อใช้หนี้ 

 
Tesco กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เกือบ 1 ศตวรรษของบริษัท หลังจากได้ประกาศปรับประมาณการผลกำไรถึง 3 ครั้ง ในรอบ 64 วันในปีนี้ และเมื่อเดือนที่แล้วยังยอมรับว่า ความผิดพลาดทางบัญชีทำให้บริษัทแจ้งผลกำไรของครึ่งปีแรกเกินไป 250 ล้านปอนด์ โดยในวันพฤหัสนี้ บริษัทจะแจ้งให้นักลงทุนทราบถึงความคืบหน้าของผลการสอบสวนในเรื่องความผิดพลาดทางบัญชีที่เกิดขึ้น
 
ในรอบปีที่ผ่านมา Tesco เผชิญศึกรอบด้าน ห้างขนาดใหญ่ของ Tesco ที่อยู่นอกเมือง สูญเสียความนิยมจากลูกค้าที่หันไปซื้อของสดจากร้านในชุมชน และสั่งซื้อออนไลน์มากขึ้น ในขณะที่ร้านขายปลีกราคาถูกขนาดใหญ่เช่น  Aldi และ Lidl และห้างหรู เช่น Waitrose และ Marks & Spencer ต่างเข้าฟาดฟันด้านราคาเพื่อดึงดูดยอดขาย
 
สถานีโทรทัศน์ Sky รายงานเมื่อสุดสัปดาห์ว่า Tesco ได้มอบหมายให้วาณิชธนากร Greenhill ไปรวบรวมข้อเสนอขอซื้อกิจการต่างๆ ในเครือจากผู้สนใจ รวมทั้ง DUNNHUMBY บริษัทเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าของ Tesco เอง ที่มีมูลค่าราว 2-3 พันล้านปอนด์ ซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้ Tesco กลายเป็นเชนร้านค้าปลีกที่ยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษ ด้วยความสำเร็จจากบัตร Clubcard และที่ผ่านมายังรับงานประมวลผลลูกค้าให้กับร้านค้าและเเบรนด์ชั้นนำอย่าง Kroger, Macy's, Coca-Cola และ Kellogg’s อีกด้วย
 
สำนักข่าว Reuters อ้าง บทวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ว่า Tesco กำลังเผชิญวิกฤตการเงิน มีหนี้สินสุทธิ 6.6 พันล้านปอนด์ สูงเป็น 3.2 เท่าของกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (operating cash flow) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้เพียง 2.5 เท่า และมีแนวโน้มจะสูงขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 0.76 เท่า เกินกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.53 เท่า


infographic แสดงภาพรวมรายได้ปีที่ผ่านมา ดูเพิ่มเติม: รายงานประจำปี 2013/14
 

ความตกต่ำของ Tesco เริ่มต้นราว 2007-2009 จากการขยายกิจการในทวีปเอเชียและยุโรปตะวันออก รวมทั้งความล้มเหลวในการบุกตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเกิดจากไม่สามารถปรับตัวรับพฤติกรรมการจับจ่ายแบบใหม่ๆ ได้ทันท่วงที
 
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บอร์ดของ Tesco ปลด Philip Clarke ลูกหม้อวัย 54 ที่เริ่มงานกับบริษัทในตำแหน่งผู้บริหารฝึกหัดตั้งแต่ปี 1981 ออกจากตำแหน่ง CEO หลังจากที่ดำรงตำแหน่งมา 3 ปี ในภาวะที่การคาดการณ์ว่าผลกำไรจะตกต่ำลง และการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจออนไลน์ยังไม่ประสบผลสำเร็จ 
 
Dave Lewis นักบริหารอาชีพ ผู้ฝากฝีมือการปรับโครงสร้าง Unilever จนได้ฉายา “Drastic Dave” หรือ Dave จอมถอนรากถอนโคน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO คนใหม่ เมื่อ 7 สัปดาห์ก่อน โดยในวันพฤหัสนี้ เขาจะแถลงผลการสอบสวนเรื่องอื้อฉาวทางบัญชี รวมทั้งผลประกอบการณ์ครึ่งปีแรกที่ล่าช้าต่อตลาด ทางฝ่ายนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดกันว่า Tesco คงจะขอปรับลดประมาณการกำไรอีกรอบ รวมทั้งปรับลดเงินปันผลอีกครั้งเช่นกัน
 
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินแผนกอบกู้วิกฤตของซีอีโอ Dave Lewis ในเบื้องต้นกันแล้ว โดยเชื่อว่าเขาน่าจะใช้โอกาสของผู้บริหารที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ระดมทุนเพิ่ม มากกว่าจะขายทรัพย์สินบริษัทที่มีมูลค่าสูง เช่นในประเทศไทยหรือเกาหลีใต้ หรือบริษัทวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า Dunnhumby  อย่างไรก็ตาม หนทางดังกล่าวใช่ว่าจะราบรื่น เพราะว่านักลงทุนบางรายกลับเห็นว่า ถึงเวลาที่ Tesco ต้องเลือกที่จะปรับองค์กรให้เล็กลงเพื่อประสิทธิภาพ ด้วยการขายสินทรัพย์บางอย่าง เพื่อทำให้งบดุลเกิดความสมดุล และหันมาลงทุนในธุรกิจที่เป็นหัวใจของบริษัทเฉพาะในอังกฤษ 
 
ทั้งนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าการขายกิจการในไทยหรือเกาหลีใต้จะสามารถทำเงินได้ในทันที เพราะถือเป็นหน่วยงานทางธุรกิจที่มีมูลค่าสูงสุดนอกสหราชอาณาจักร โดยประเมินว่า Tesco-Lotus ในไทยมีมูลค่า 5 พันล้านปอนด์ ขณะที่ในเกาหลีใต้มีมูลค่า 4 พันล้านปอนด์
 
หลังข่าวนี้ออกมา สลิลลา สีหพันธ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท ออกมาบอกกับสื่อมวลชนไทยว่า ข่าวนี้ ยังไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เท่านั้น
 
Tesco Lotus CEO John Christie กล่าวกับ Forbes Thailand ฉบับมีนาคม 2557 ว่า Tesco Lotus เป็นผู้บริหารพื้นที่ศูนย์การค้าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากกลุ่มเซ็นทรัล มีสาขาประมาณ 1,500 แห่ง มีพนักงาน 55,000 คน และสามารถทำรายได้เป็นอันดับ 3 ของ Tesco ทั่วโลก รองจากอังกฤษและเกาหลีใต้ 
 
Tesco Lotus ภายใต้การนำของ Christie ได้ริเริ่มการขายสินค้าออนไลน์ และเข้าถือหุ้น 20% ใน www.lazada.co.th เว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่มีเครือข่ายทั่วอาเซียน โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่จากเยอรมนี คือ Rocket Internet GmbH (คอลัมน์ Dine with the Boss ที่ John Christie ให้สัมภาษณ์กับ Forbes Thailand)
 
Tesco ระบุในเว็บไซต์ของตนว่า สถานการณ์การเมืองที่วุ่นวายในประเทศไทยตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ ส่งผลลบต่อยอดขายของ Tesco Lotus โดย รายได้ในไตรมาส มกราคม-มีนาคม 2557  ติดลบ 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เมื่อเข้าสู่ไตรมาสเมษายน-มิถุนายน อัตราการติดลบลงมามาอยู่ที่ -5.3%  ขณะที่ในเกาหลีใต้ ไตรมาสมกราคม-มีนาคม -4.9% ไตรมาสถัดมา -2.8%  ขณะที่มาเลเซียกลับตรงกันข้าม ไตรมาสมกราคม-มีนาคมเป็นบวก 1.2% แต่ไตรมาสถัดมากลับติดลบ -2.3%  ภาพรวมในเอเชียถือว่าดีขึ้นจาก -5.6% เป็น -3.2%  ส่วนภาพรวมในยุโรป (นอก UK) จาก -0.6% เป็น -1%


ภาคผนวกแสดงรายได้เป็นรายประเทศ ดูเพิ่มเติม: First Quarter Interim Management Statement 2014/15