ผลประกอบการ Tesco ทรุดกว่าที่คาด วิกฤติหนักในรอบ 40 ปี - Forbes Thailand

ผลประกอบการ Tesco ทรุดกว่าที่คาด วิกฤติหนักในรอบ 40 ปี

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Oct 2014 | 11:58 AM
READ 5738

ยังไร้ความชัดเจนในแนวทางการกอบกู้ Tesco เชนค้าปลีกยักษ์ใหญ่ อายุเกือบ 100 ปี  ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เริ่มกดดันผู้บริหาร ให้ขายสินทรัพย์ของบริษัทก่อนจะตัดสินใจเพิ่มทุน

 

 

ในวันนี้ Tesco ได้แถลงตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2014/15 แล้ว โดยตัวออกมาเลวร้ายกว่าที่คาด  กำไรจากการค้าในรอบหกเดือนแรกร่วงถึง 41% โดยยอดขายในตลาดครัวเรือน ไม่รวมยอดขายน้ำมันและภาษีมูลค่าเพิ่ม ในไตรมาสสองตกลง 5.5% ขณะที่ไตรมาสแรกตกลง 3.8%  ซึ่งถือว่าเป็นผลประกอบการที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี ในขณะหนี้สินรวมพุ่งถึง 7.5 พันล้านปอนด์ จากปีก่อนที่มี 7 พันล้านปอนด์ ต้องถือว่าน่าวิตกอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับมูลค่าบริษัทในส่วนผู้ถือหุ้นหุ้น (equity value) ที่มี 1.4 หมื่นล้านปอนด์

 

หลังผลประกอบการเผยแพร่ หุ้น Tesco ร่วงกว่า 6% ทันที ตั้งแต่เปิดตลาดหุ้นลอนดอน

 

ทั้งนี้ Dave Lewis ซีอีโอของบริษัท ได้ออกคำแถลงไว้ในรายงานผลประกอบการ โดยไม่ได้แสดงความชัดเจน ว่าจะจัดการกับหนี้สินจำนวนมหาศาลด้วยวิธีการใด บอกเพียงว่าจะพิจารณาทุกทางเลือก

 

ขณะที่ Reuters อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ว่า พวกเขาต้องการให้ Tesco เลือกขายสินทรัพย์ของบริษัท เช่น กิจการในต่างประเทศ เป็นทางเลือกแรก ก่อนจะพิจารณาเพิ่มทุน  โดยต้องเห็นแผนงานฉบับสมบูรณ์ก่อนที่จะเห็นชอบในแผนการระดมเงินลงทุนใหม่

 

ในส่วนการสอบสวนการรายการผลกำไรที่ผิดพลาด โดยบริษัทตรวจสอบบัญชี Deloitte นั้น  พบตัวเลขความผิดพลาดรวม 263 ล้านปอนด์ สูงกว่าที่แจ้งไว้ที่ 250 ล้านปอนด์ โดยแยกเป็นการลงกำไรเกินจริงของครึ่งปีแรกของปีนี้ 118 ล้านปอนด์ ลงกำไรเกินจริงของปี 2013/14 รวม 70 ล้านปอนด์ และในปีก่อนๆ อีก 75 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นความผิดพลาดในการลงบัญชีระหว่าง Tesco กับ supplier ด้านอาหาร 

 

รายงานสอบสวนฉบับนี้จะถูกส่งไปยัง Financial Conduct Authority (FCA) และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ต่อไป 

 

โดยผู้บริหารระดับสูงรวมแปดคน หนึ่งในนั้นคือ Chris Bush ซึ่งเป็น  UK managing director ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวในครั้งนี้ ขณะที่ Sir Richard Broadbent ประธานบริษัท แสดงความเสียใจต่อกรณีดังกล่าวในแถลงผลประกอบการครั้งนี้ พร้อมกับแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง โดยยังไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอน



 

Tesco ได้สรุปสาระสำคัญในรายงารผลประกอบการครึ่งปีแรก 2014/15 ไว้ดังนี้

  • ยอดขายในสหราชอาณาจักรตกลง 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันอันรุนแรงของธุรกิจค้าปลีก ที่รุกจับกลุ่มลูกค้าที่กว้างกว่าตลาดของตัวเอง ด้วยการทำสงครามราคาและโปรโมชั่นในวงกว้าง

  • ผลกำไรของกลุ่มรวม 9 ร้อยล้านปอนด์ ลดลงเมื่อเทียบกันปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นความแข่งขันที่รุนแรงในสหราชอาณาจักร

  • ยอดขายออนไลน์โดยรวมใน UK เพิ่มขึ้น 11% เติบโตกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 0.8% ในตลาดร้านสะดวกซื้อของอังกฤษ

  • การสอบสวนเกี่ยวกับการลงบัญชีผลกำไรในรอบครึ่งปีเกินกว่าความเป็นจริง ได้ข้อสรุปว่าเป็นตัวเลข 263 ล้านปอนด์ (เดิมคาดว่าลงบัญชีเกิน 250 ล้านปอนด์) ในจำนวนนี้มี 118 ล้านปอนด์เกี่ยวกับตัวเลขกำไรการค้าในรอบครึ่งปีแรก

  • เงินปันผลระหว่างกาล 1.16p*** เป็นไปตามที่เคยประกาศไว้ก่อน ขณะที่ปรับลดงบสำหรับการลงทุนตลอดทั้งปีลงเหลือ 2.1 พันล้านปอนด์

  • คณะผู้บริหารชุดใหม่ได้เริ่มต้นทำงานแล้ว และกำลังพิจารณาในทุกๆ ทางเลือก เพื่อฟื้นฟูธุรกิจ และสร้างมูลค่าหุ้นของบริษัทให้เพิ่มมากขึ้น



 

ทั้งนี้ รายงานผลประกอบในทวีปเอเชียระบุว่า ยอดขายรวม constant rates ติดลบ 0.5%  ขณะที่ actual rates ติดลบ 8.4%   

 

สำหรับตลาดในเกาหลีใต้นั้นยังคงท้าทาย จากการเปิดตัวของร้านค้าขนาดใหญ่ ส่วนในประเทศไทยนั้น แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะดีขึ้น มีการยกเลิกเคอร์ฟิวแล้วก็ตาม แต่บรรยากาศโดยรวมสำหรับผู้บริโภคแล้วยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นอกจากนี้ยอดขายยังโดนกระทบจากกิจกรรมโปรโมชั่น และการแข่งขันในตลาดร้านสะดวกซื้อนั้นเพิ่มสูงขึ้น 

 

ส่วนยอดขายในมาเลเซียได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง และล่าสุดเกิดการประท้วงธุรกิจที่เป็นของชาวตะวันตก

 

ด้าน Kamal Ahmed บรรณาธิการข่าวเศรษฐ BBC วิเคราะห์ว่า Tesco เป็นเหยื่อรายสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษ นั่นคือ การช้อปปิ้งออนไลน์  สถานะอันโดดเด่นของหนึ่งใน Big Four ค้าปลีก เริ่มหมดความสำคัญลง ลูกค้าต้องการจับจ่ายในที่เล็กลง ทำได้เรื่อยๆ ในทุกๆ วัน  เป็นงานหนักสำหรับ Dave Lewis ที่จะโน้มน้าวให้ลูกค้ากลับมาที่ Tesco อีกครั้ง