ผลงานสร้างช่อง One “Content is King” - Forbes Thailand

ผลงานสร้างช่อง One “Content is King”

เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์

one HD ช่องม้ามืดที่ต้องจับตาหลังตระเตรียมสรรพกำลังและปรับแต่งกลยุทธ์ สู่การเติบโตแบบพุ่งทะยาน โชว์ผังรายการอัดแน่นด้วยละคร ซิทคอม และเรียลลิตี้โชว์ตามแนวถนัด ย้ำแนวคิด “Content is King”

หลังจากสัญญาณการแข่งขันของสงครามทีวีดิจิทัลเริ่มต้น เอ็กแซ็กท์และซีเนริโอภายใต้ช่อง One HD เลือกเดินในหลักการ Slow but Sure รอให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เริ่มดำเนินการแจกคูปองขยายฐานผู้ชมทั่วประเทศ ก่อนจะจัดการแต่งทัพด้วยเนื้อหา (content) และขับเคลื่อนช่อง one HD ให้แจ้งเกิดอย่างสมศักดิ์ศรี

“เราเริ่มออกอากาศรายการเต็มรูปแบบเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา โดยนำคอนเทนท์เด่นๆ ลง ทำให้ช่อง one เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากผู้ชมที่ต้องการคอนเทนท์ที่แตกต่างกลยุทธ์ของเราคือ คอนเทนท์ทำให้ผู้ชมเห็นว่า เราเป็นช่องฟรีทีวี เราเชื่อว่า เราเป็นช่องที่มี คอนเทนท์หลากหลายพอจะให้ผู้ชมอยู่กับเราได้ทั้งวันและทุกวัน” บดินทร์ อุดล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวถึงกลยุทธ์พร้อมกับ สุรพล พีรพงศ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการ บริหารงานขายช่อง one

หนึ่งในความแข็งแกร่งของช่อง one HD อยู่ที่ผู้นำทัพ ซึ่งปัจจุบันถกลเกียรติไม่เพียงนั่งเก้าอี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดิจิทัลทีวี บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) แต่ยังร่วมถือหุ้น บริษัท จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิ้งจำกัด หรือ GMM one จำนวน 49% ส่งผลให้การบริหารธุรกิจสามารถเดินเครื่องได้อย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาเนื้อหารายการ และการต่อยอดแผนการลงทุน ด้วยประสบการณ์ทางด้านธุรกิจบันเทิงที่สั่งสมตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ one HD เริ่มรุกธุรกิจทีวีดิจิทัล ถกลเกียรติ ให้ความสำคัญกับการปรับผังอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไปให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งกลายเป็นผังรายการที่ลงตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับการผลิตคอนเทนท์เองคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 95% หรือมีรายการจากผู้ผลิตภายนอกประมาณ 40-50 ชั่วโมงต่อเดือน เพื่อให้ได้จำนวนสัดส่วนรายการตามที่กฎหมายกำหนด

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งเน้นสร้างสรรค์รายการใหม่ เพื่อลดรายการรีรันลง เช่น รายการวาไรตี้ รายการท่องเที่ยว และเกมโชว์ กีฬา รวมถึงโปรเจกต์สงครามนางงาม เดอะแคสติ้ง โปรเจกต์ จากซีรีส์ 18+ ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ทอล์คออฟเดอะทาวน์ นอกเหนือจากการผลิตละครตามแนวถนัดอย่างต่อเนื่อง

โดยย้ำคอนเซปต์ “ละครดี ดูที่ช่องวัน” ในช่วงไพร์มไทม์หลังข่าว และการนำละครซิทคอมที่ได้รับความนิยมกลับเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ผู้กองเจ้าเสน่ห์ บ้านนี้มีรัก และเฮง เฮง เฮง เช่นเดียวกับซิทคอมเรื่องเป็นต่อและรายการเรียลลิตี้โชว์ the star ที่นำกลับมาก่อนหน้านั้น และได้รับผลตอบรับทางด้านเรตติ้งที่ดีไม่ต่างจากในช่วงที่ออกอากาศทางฟรีทีวี ไม่เพียงแต่ผลิตคอนเทนท์เชี่ยวชาญ แต่ one HD ยังสามารถสร้างสรรค์รายการข่าวที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน บนปรัชญาการทำงานที่ยึดหลักความเที่ยงตรง

สำหรับแผนการลงทุนของช่อง one HD แบ่งเป็นงบลงทุน 2,000 ล้านบาทในการพัฒนาและผลิตคอนเทนท์รายการ ทั้งละคร ซิทคอม และเกมโชว์ พร้อมลงทุน 1,000 ล้านบาทในส่วนอุปกรณ์และค่าใบอนุญาต รวมทั้งงบลงทุนสร้างสตูดิโอ เพื่อรองรับการขยายตัวของช่องในอนาคต

นอกจากนั้น บริษัทยังมองถึงการเชื่อมโยงคอนเทนท์ครบวงจร สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่จำกัดเฉพาะการออนแอร์ทางโทรทัศน์ แต่ยังครอบคลุมทุกสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ในรูปแบบของ total solution media รวมถึงการต่อยอดธุรกิจและคอนเทนท์ภายใต้ความร่วมมือในกลุ่มแกรมมี่

บดินทร์ กล่าวถึงความท้าทายในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย “ปัจจุบันเราเป็น top 10 อยู่แล้ว และอยู่ใน top 5 ถ้าเป็นกลุ่มทีวีดิจิทัล ภายใต้แผนการพัฒนาคอนเทนท์การโปรโมท ประชาสัมพันธ์ ทำการตลาดคอนเทนท์ที่จะออกอากาศ รวมถึงแผนการใช้ total solution media เราวางเป้าหมายเติบโตหลายเท่าตัวในปีหน้า”

ช่อง one HD ยังคงเป้าหมายรายได้ตามที่ถกลเกียรติเคยประกาศไว้จำนวนไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท และคาดการณ์ระยะเวลาคืนทุนภายใน 5-7 ปี พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 40% ขึ้นไป ขณะที่ความมุ่งหวังอันเป็นเป้าหมายระยะยาวของบริษัท ได้แก่ การเป็นช่องโทรทัศน์ที่เป็นอันดับ 1 ในใจของผู้ชมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และต้องเป็น top 5 ของธุรกิจฟรีทีวีในอนาคต จากปัจจุบันที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของช่องโทรทัศน์ทั้งหมด

“พื้นฐานการดูทีวีของคนไทย เราเคยชินกับการดูทีวีไม่เกิน 5 ช่อง และถ้ามากกว่า 10 ช่อง อาจจะเริ่มไม่ไหว ดังนั้น การอยู่ top 5 ได้ จึงเป็นการการันตีผู้ชมเราในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าในเรื่องของคอนเทนท์เรามั่นใจว่า เราสู้ได้” สุรพล ขยายความ

“สุดท้ายแล้วอุตสาหกรรมนี้จะไปได้ดีในอนาคต หน้าที่ของเรา คือ การนำเสนอคอนเทนท์ที่ดี เพื่อทำให้ผู้ชมรับทราบว่า ช่อง one เป็นทางเลือกใหม่ และให้เอเจนซี่เห็นว่าเราพร้อม ไม่ต้องรอไก่กับไข่ ไม่ต้องรอเศรษฐกิจดี เพราะเราเชื่อว่าคอนเทนท์จะทำให้ในระยะยาวธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ หัวใจหลักของเราคือ content is king และนักแสดง” บดินทร์ กล่าวปิดท้าย

คลิ๊กอ่าน "ผลงานสร้างช่อง One “Content is King”" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015 ในรูปแบบ E-Magazine