บัซซี่บีส์ ปักธงผู้นำ CRM Privilege Platform พร้อมตั้งเป้ารุกตลาดเชื่อมระบบเกตเวย์กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร - Forbes Thailand

บัซซี่บีส์ ปักธงผู้นำ CRM Privilege Platform พร้อมตั้งเป้ารุกตลาดเชื่อมระบบเกตเวย์กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร

บัซซี่บีส์ (Buzzebees) ผู้นำตลาดแพลตฟอร์ม CRM Privilege และระบบ Mobile Wallet Payment Gateway ในตลาดประเทศไทย พร้อมสร้างระบบ Eco System เชื่อมโยงธุรกิจครบวงจร ตั้งเป้าเป็นระบบเกตเวย์กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยภายในอีก 2 ปีข้างหน้า และเดินหน้าขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ AEC ตั้งเป้ารายได้ 1 พันล้านบาท ในสิ้นปี 2560 บัซซี่บีส์ อีกหนึ่ง ฟินเทค ผู้นำการให้บริการระบบ Digital Wallet Payment Gateway ในการทำหน้าเชื่อมโยงการทำธุรกรรมออนไลน์ Online Banking ให้กับธนาคารต่างๆ กับผู้ใช้งานให้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ บนแพลตฟอร์ม Wallet บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก รวดเร็วและมีความปลอดภัย ปัจจุบัน บัซซี่บีส์ เชื่อมโยงระบบการชำระเงิน True Money จาก ทรู, Paysbuy จาก ดีแทค และ เคาน์เตอร์ เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven ล่าสุด บัซซี่บีส์ ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ “SHOW DC” ศูนย์การค้าและเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร พร้อมด้วย Alipay, Alibaba Online Payment และ True Money ผ่านระบบ e-wallet ของบัซซี่บีส์ “ปัจจุบัน บัซซี่บีส์มีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 24 ล้านคน นับได้ว่าบัซซี่บีส์เติบโตเร็วมากนับตั้งแต่ก่อตั้งได้เพียง 4  ปี โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่อีกมากกว่า 10 องค์กร อาทิ  ดีแทค, ธนชาต, กรุงไทยแอกซ่า, เทสโก้ โลตัส, ช่อง 7 เป็นต้น ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีพันธมิตรระดับคอร์ปอเรทรายใหญ่ๆ มากกว่า 40 องค์กร และยังสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดีในตลาดต่างประเทศ อีก 7 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว อินโดนีเซีย แอฟริกา กาน่า แคมมารูน และไอวอรี่โคสต์ รวมไปถึง พันธมิตรในส่วนของร้านค้าปลีกกว่า 90% ที่มีการเสนอสิทธิพิเศษมากกว่า 20,000 แคมเปญ จึงทำให้บัซซี่บีส์มีความได้เปรียบในเชิงธุรกิจมากกว่ารายอื่นๆ” ไมเคิล เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด เปิดเผย ปี 2559 บัซซี่บีส์ สามารถสร้างรายได้สูงถึง 330 ล้านบาท เติบโตจากปี 2558 ถึง 200% โดยมีรายรายหลักกว่า 50% คือการดำเนินการออกแบบพัฒนาและดูแล  CRM Platform ให้กับองค์กรต่างๆ โดยความโดดเด่นของบัซซี่บีส์ คือการนำเสนอแพลตฟอร์ม CRM แบบ end-to-end เริ่มตั้งแต่การพัฒนาแอพพลิเคชั่น CRM, จัดหาโปรแกรมเกี่ยวกับสิทธิพิเศษมาร์เก็ตเพลส สื่อออนไลน์ แบบสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคบนออนไลน์ ระบบการชำระเงินระบบแลกรับสินค้ารวมไว้ทุกรูปแบบ เช่น NFC, EDC, QR Code, Barcode, E-Coupon และระบบ Fulfillment รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบภายในของร้านค้าที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ และทุกขั้นตอนเป็นระบบการทำงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีบริการอย่างครบวงจรแบบ one stop service จึงทำให้บริษัทฯ สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว และด้วยโมเดลธุรกิจรูปสามเหลี่ยมที่ตอบโจทย์ให้ win win ทุกฝ่าย ทั้งลูกค้าระดับองค์กร ตลาดผู้ค้าปลีกหรือ SMEs และผู้บริโภค จึงทำให้องค์กรแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวต่อไปของ บัซซี่บีส์ คือการขยายการเชื่อมโยงการชำระเงินผ่านเครื่อง EDC ที่นำมาติดตั้งให้กับร้านค้าต่างๆ ได้มากถึง 100,000 เครื่องทั่วประเทศ พร้อมให้สิทธิพิเศษในการสะสมแต้มและนำคะแนนไปแลกสิทธิพิเศษต่างๆ เพียงแค่สแกนมือถือบนเครื่อง EDC และการพัฒนาประสิทธิภาพการสร้างระบบเชื่อมโยงการชำระเงินร่วมกับห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด หรือร้านค้าต่างๆ ผ่านระบบ Wallet และการเชื่อมโยงกับ AirPay ของ Garena พร้อมแสดงผลแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ บัซซี่บีส์ เปิดตัวร่วมกับแอปพลิเคชั่น GetVan Booking ทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบ Eco System และ e-wallet เข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ซึ่ง บัซซี่บีส์รับผิดชอบในส่วนของการทำธุรกรรมทั้งหมด ตั้งแต่การเติมเงิน บริการ wallet และการจองที่นั่งแบบเรียลไทม์อีกด้วย “บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญในด้านไอที และแนวความคิดใหม่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์มากกว่า 20 ปี รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าคิดกล้าทำ และกล้าที่จะปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทุกวันนี้ เราสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด CRM Privilege บนแอปพลิเคชั่นได้อย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าบัซซี่บีส์จะกลายเป็นผู้นำในการสร้าง Eco System และเชื่อมโยงระบบระบบเกตเวย์กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยภายในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าว่าจะมีผู้ใช้งานมากกว่า 30 ล้านราย และมีรายได้อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ภายในสิ้นปี 2560” ไมเคิล เชน กล่าวปิดท้าย