ดาราเทวี พอร์ทใหม่ของ IFEC - Forbes Thailand

IFEC ขยับพอร์ทลงทุนครั้งใหญ่ ขยายสู่ธุรกิจโรงแรม “ดาราเทวี” ปั้นธุรกิจร่วมทุน 5,000 ล้านบาท ต่อยอดอสังหาริมทรัพย์สุดหรูเมืองเชียงใหม่

ในพื้นที่ราว 155 ไร่ใน ต.ท่าศาลา จ.เชียงใหม่ คืออาณาจักร “ดาราเทวี” โรงแรม 6 ดาว ที่โดดเด่นด้วยศิลปวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งปลายปีที่แล้วได้เปลี่ยนมือเจ้าของมาเป็น บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ที่มี วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหาร IFEC ซึ่งโลดแล่นอยู่ในธุรกิจพลังงานทดแทน ตัดสินใจลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ โดยให้บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ แคป แมนเนจเม้นท์ จำกัด เข้าซื้อหุ้นสามัญของกลุ่มดาราเทวี เชียงใหม่ ที่ประกอบด้วย บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด หรือ DDV บริษัท เอ.พี.เค.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท ดาราเทวี จำกัด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2558 ในราคา 1,660 ล้านบาท และให้ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด ซื้อหนี้ของ DDV จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง จำนวน 860 ล้านบาท หลังการเข้าซื้อเพียง 1 วัน ราคาหุ้นของ IFEC ก็ร่วงลงมา 4.19% อยู่ที่ 8 บาท เนื่องจากผู้ถือหุ้นไม่มั่นใจกับการขยายสู่ธุรกิจโรงแรมดาราเทวี ที่หลายปีมานี้ขาดทุนเฉลี่ยปีละราว 300 ล้านบาท IFEC จึงต้องชี้แจงแผนการลงทุนเพื่อเรียกความมั่นใจของผู้ถือหุ้นกลับคืนมา (ณ วันที่ 2 มิถุนายน ราคาหุ้นของ IFEC ปิดที่ 6.70 บาท) “เดิมโรงแรมมีหนี้สินราว 5,000 ล้านบาท แต่ได้เจรจาลดหนี้ลงเหลือเกือบ 2,000 ล้านบาท ขณะนี้เหลือหนี้อยู่ราว 950 ล้านบาท คาดว่าจะนำโรงแรมออกจากแผนฟื้นฟูฯ ได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ และจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินการได้ทันทีประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี” สิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC กล่าวในการแถลงข่าวทิศทางของดาราเทวี เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เขาบอกด้วยว่า แม้จะขาดทุน แต่ดาราเทวีก็มีแนวโน้มที่ดีในการสร้างรายได้ ซึ่งปี 2558 โรงแรมมีรายได้รวมราว 300 ล้านบาท และมีรายได้จากธุรกิจอาหารอีกราว 300 ล้านบาท ไตรมาสแรกของปีนี้ โรงแรมทำกำไรแล้วราว 4 ล้านบาท นับเป็นกำไรครั้งแรกในรอบ 10 ปี และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70% โดยมีชาวจีนเป็นลูกค้าหลัก แผนต่อจากนี้ IFEC ตั้งเป้าปรับโครงสร้างธุรกิจดาราเทวีให้เป็นบริษัทโฮลดิ้ง แบ่งการดำเนินธุรกิจให้ชัดเจน เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ รวมถึงจัดตั้งบริษัทพัฒนาสินทรัพย์ในพื้นที่โรงแรม พร้อมปั้นธุรกิจร่วมทุนมูลค่าราว 5,000 ล้านบาท พัฒนาอสังหาฯ ระดับซูเปอร์ลักชัวรีบนเนื้อที่ 40 ไร่ ทั้งสร้างห้องพักเพิ่มอีก 80 ห้อง สร้างคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์กว่า 200 ยูนิต วางราคาไว้ที่ 1.5-1.8 แสนบาทต่อตารางเมตร พื้นที่ขั้นต่ำ 80 ตารางเมตรต่อยูนิต และต่อยอดโครงการเรซิเดนซ์ล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 16 ยูนิต ซึ่งสร้างเสร็จแล้วราว 60% ตั้งราคาไว้ที่ราว 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ขณะนี้มีผู้สนใจแล้วหลายราย “แหล่งที่มาของเงินคือการขายที่ดิน 40 ไร่ให้ผู้ร่วมทุนอีกราย ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะเป็นใคร โดย IFEC จะถือหุ้น 49%” สิทธิชัยบอก ขณะเดียวกันก็จะสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจย่อยของโรงแรม คือ ดาราเทวี สปา ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นเวลเนส สปา เต็มรูปแบบรวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่เตรียมเปิดห้องอาหารอิตาเลียนขึ้นในเดือนกันยายนนี้ เพิ่มเติมจากที่มีร้านอาหารไทย จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเบเกอรี่อยู่ก่อนหน้า และวางแผนทำธุรกิจบริหารจัดการแบรนด์ดาราเทวี ที่มีจุดแข็งด้านการให้บริการชั้นยอด โดยจะขายสิทธิ์การใช้แบรนด์ดาราเทวีและขยายสู่การตั้งเป็นเชนโรงแรม ด้าน วิชัย กล่าวถึงภาพรวมของ IFEC ปีนี้ว่า ยังเน้นธุรกิจพลังงานทดแทนเช่นเดิมคิดเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีกำลังการผลิต 21.5 เมกะวัตต์ ก็มุ่งเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่มีกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ก็วางแผนให้แตะ 300 เมกะวัตต์ให้ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่โรงไฟฟ้าชีวมวล ที่มีกำลังการผลิต 6.8 เมกะวัตต์ ก็ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 10 เมกะวัตต์ ส่วนรายได้อีก 20% จะมาจากธุรกิจ ระบบสนับสนุนการผลิตไฟฟ้า อาทิ ระบบสมาร์ทกริด ระบบแบตเตอรีสำรองไฟฟ้า เป็นต้น รองมาคือดาราเทวี ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 15% และธุรกิจอื่นๆ อีก 5% พร้อมคาดการณ์รายได้ของ IFEC ในปีนี้ไว้ที่ราว 1,500 ล้านบาท ดาราเทวีจะฉายแสงให้ IFEC โดดเด่นในธุรกิจอสังหาฯ หรือไม่นั้น ยังต้องจับตา
คลิกอ่านบทความด้านธุรกิจได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine