คุยกับ ‘สงกรานต์-วรสิทธิ’ คู่พ่อลูกแห่ง ‘ชาญอิสสระ’ บนเวที Forbes Thailand Forum 2017 - Forbes Thailand

คุยกับ ‘สงกรานต์-วรสิทธิ’ คู่พ่อลูกแห่ง ‘ชาญอิสสระ’ บนเวที Forbes Thailand Forum 2017

ก่อนหน้าที่จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รุ่น 1 ชาญ อิสสระ เริ่มแรกก่อตั้งเป็นธุรกิจเทรดดิ้ง ค้าน้ำมัน และยางมะตอย ต่อมารุ่น 2 สงกรานต์ อิสสระ เข้ามาทำงานร่วมกับบริษัทและแตกไลน์ธุรกิจเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จนถึงรุ่น 3 วรสิทธิ อิสสระ ลูกชายคนโตเข้ามาต่อยอดและเติมเต็ม ชาญอิสสระ ด้วยธุรกิจโรงแรมระดับโลก ศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต

ทั้งสองมือบริหารรุ่น 2-3 สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ให้เกียรติขึ้นเวทีเสวนา Forbes Thailand Forum 2017: The Next Tycoons จัดโดยนิตยสาร Forbes Thailand เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 และนี่คือส่วนหนึ่งของคำถาม-คำตอบจากประสบการณ์บริหารจากรุ่นสู่รุ่น

 

Q: จุดเริ่มต้นของการรับไม้ต่อทางธุรกิจ

สงกรานต์: ก่อนหน้านั้นผมทำงานกับธนาคารซิตี้แบงก์แล้วค่อยมาทำงานในบริษัท สมัยก่อนคุณพ่อทำธุรกิจด้านเทรดดิ้ง ค้าน้ำมัน และยางมะตอย ซึ่งค่อนข้างเป็นธุรกิจที่มีผู้เล่นน้อยราย และต้องทำงานกับหน่วยราชการเยอะ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบ จึงขอว่าจะทำธุรกิจก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ไหม

ช่วงนั้นปี 2525 เป็นโอกาสมากเพราะยังมีบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ไม่กี่ราย เช่น บริษัทของคุณอนันต์ (อัศวโภคิน) คุณน้อย-พงษ์พันธ์ (สัมภวคุปต์) และยังไม่ค่อยมีตึกสูงเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง วิธีการระดมทุนก็ยังจำกัดวงแคบอยู่ แต่พอดีมีกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาคอนโดมิเนียมออกมาซึ่งทำให้เราบริหารเงินทุนหมุนเวียนได้ ประจวบเหมาะกับที่ดินของครอบครัวที่ถนนพระราม 4 ปิดหน้าที่ดินของคุณปัญญา (ควรตระกูล) พอดี ทำให้เรามีโอกาสขอซื้อต่อที่ดินคุณปัญญามาขึ้นโครงการชาญอิสสระทาวเวอร์ 1 ได้สำเร็จ


สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 


วรสิทธิ: เข้ามาทำโครงการแรกคือโรงแรมศรีพันวาที่ภูเก็ต จริงๆ ที่ดินนี้คุณพ่อคุณแม่ (ศรีวรา อิสสระ) ดูไว้ตั้งแต่ผมเพิ่ง 5-6 ขวบ แต่บริษัทกำลังนำมาพัฒนาวิลล่าขายในช่วงที่ผมกลับจากเรียนด้านการโรงแรม พอผมไปดูก็คิดว่าตรงนี้ทำเป็นโรงแรมได้นะ ก็เลยขอเข้ามาร่วมงานด้วย

แรงบันดาลใจมาจากตอนไปเที่ยวที่ Miami พบว่าโรงแรมลักซัวรี่ที่นั่นไม่ต้องผูกไทใส่สูทก็ได้ มามองเมืองไทยที่ภูเก็ตตอนนั้นก็เหมือนกัน คือโรงแรมลักซัวรี่มีแล้วแต่เป็นแบบใส่สูท ชุดไทย เปิดดนตรีไทย ซึ่งเราคิดว่า เราเปลี่ยนมาทำแบบที่ Miami ก็ได้ ไม่ต้องใส่สูทแต่เป็นบริการที่ดีเหมือนกัน


ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด

 

Q: การเปลี่ยนผ่าน มีความมั่นใจในรุ่นต่อไปแค่ไหน

สงกรานต์: สมัยผมกับปลาวาฬจะต่างกับสมัยผมกับคุณพ่อเพราะวัยเราใกล้กันมากกว่า ตอนผมเข้ามาทำงานผมอายุ 26 แต่คุณพ่ออายุเกือบ 70 ปีแล้ว

ตอนปลาวาฬมาบอกว่าอยากเก็บวิลล่าที่กำลังสร้างส่วนหนึ่งมาเป็นโรงแรมได้ไหม เราก็เห็นด้วยนะ เพราะคิดว่าจะทำให้พื้นที่คึกคักขึ้นมากกว่าเป็นบ้านตากอากาศส่วนตัวทั้งหมดซึ่งจะทำให้เงียบมากๆ พอเขาเข้ามาทำงานก็ชวนเพื่อนมาอีกยกทีมเลย ไปอยู่เฝ้าสำนักงานขายที่ภูเก็ต พวกเขาทำหน้าที่ขายวิลล่าเองโดยไม่ต้องใช้เอเย่นต์และขายได้ดี และยังเข้ามาช่วยปรับราคาให้เหมาะสมด้วย

ถึงตอนนี้สรุปรายได้จากศรีพันวาทั้งบ้านที่ขายไปและตัวโรงแรมที่ขายเข้ากองรีท ทำรายได้รวม 6,000 กว่าล้านบาท มีกำไร 2,000 ล้านบาท ก็ถือว่าเขาใช้ได้เลย


ศรีวรา อิสสระ คู่ชีวิตของสงกรานต์ อิสสระ อีกหนึ่งเบื้องหลังแรงขับเคลื่อนกลุ่มบริษัทชาญอิสสระ

 

Q: เก่งกับเฮง สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน

สงกรานต์: ผสมกัน ในโชคของเรา เราต้องมีกลยุทธ์ มีความอดทน และบางทีต้องรอจังหวะด้วย จังหวะไม่ดีจะทำให้เราเสียหายเยอะ

 

Q: แล้วระหว่างเก่งกับโอกาส สำหรับปลาวาฬ-วรสิทธิ?

วรสิทธิ: ผมว่าโอกาส ถ้าไม่มีโอกาสก็มาไม่ถึงวันนี้ อย่างตอนนี้เรากำลังจะไปบริหารโรงแรมให้พาร์ทเนอร์ที่ไหหลำ ซึ่งก็มาจากโอกาสที่ได้รู้จักกัน ถือเป็นดีลต่างประเทศแรกของผม

 

Q: ก่อนหน้านี้คาดหวังให้ลูกๆ มาสานต่อธุรกิจหรือไม่ และจะวางมือจากบริษัทหรือยัง

สงกรานต์: สิ่งที่ผมทำให้เขาคือให้การศึกษาที่ดีที่สุด แต่จะให้เขามาช่วยเราหรือไม่ ไม่ได้คาดหวัง ให้เขาตัดสินใจเอง แล้ววันหนึ่งเขาก็มาบอกเองว่าเขาจะมาทำงานที่บริษัท และเป็นโชคดีของผมที่ลูกๆ มีความสามัคคีช่วยกันทำงาน ส่วนจะวางมือไหมขึ้นอยู่กับเขาเพราะตอนนี้ทีมงานบริหารเราวางตัวไว้พร้อมหมดแล้ว

 

Q: จะเห็นรุ่น 3 เข้ามารับหน้าที่มากขึ้นกว่าเดิมไหมในเร็วๆ นี้

วรสิทธิ: ถ้าให้มานั่งบริหารในกรุงเทพฯ คงไม่มารับหน้าที่ ผมเน้นอยู่ที่ภูเก็ตมากกว่า ซึ่งที่กรุงเทพฯ ทางบริษัทมีทีมงานที่ดีบริหารอยู่แล้ว ผมดูเรื่องการโรงแรมและบริการเป็นหลัก ไม่ถนัดการพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย แต่สามารถช่วยได้ แต่ให้พัฒนาเองมองว่ายังไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบ ผมชอบการอยู่หน้างานในโรงแรมและปั้นมันขึ้นมามากกว่า


โชคดี วิศาลสิงห์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจหนังสือพิมพ์ บริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากขวา) และ ณ กาฬ เลาหะวิไลย รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจหนังสือพิมพ์กลุ่มโพสต์ บริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) ร่วมมอบโล่และช่อดอกไม้ให้กับสองผู้ร่วมเสวนาจากชาญอิสสระ

 

อ่านเพิ่มเติม 65 ปี ‘ชาญอิสสระ’ 3 เจนเนอเรชั่นตอกเข็ม-ก่อสร้าง-พัฒนาความสำเร็จ