คาโอ จับมือ SCGP พัฒนานวัตกรรมสร้างความยั่งยืน - Forbes Thailand

คาโอ จับมือ SCGP พัฒนานวัตกรรมสร้างความยั่งยืน

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ประกาศความร่วมมือนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พร้อมแนวทางที่ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค เพื่อลดการก่อให้เกิดมลพิษต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไป

ยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาโอ และ SCGP มีความมุ่งมั่นเดียวกันในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2507 จากต้นกำเนิด คาโอ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลากว่า 58 ปี ที่ คาโอ ประเทศไทย ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์กว่า 10 แบรนด์สินค้า เช่น แอทแทค มาจิคลีน ไฮเตอร์ ลอรีเอะ เมอร์รี่ส์ เมะกุริธึ่ม แฟซ่า ลิเซ่ บิโอเร และคิวเรล พร้อมนวัตกรรมที่มุ่งเน้นด้านคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจและขับเคลื่อนบริษัทไปสู่ความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดีและบริหารงานอย่างโปร่งใส (ESG) พร้อมกำหนดเป้าหมายสู่ความยั่งยืนในปี 2583 ด้านการลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ด้วยการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนเป็นศูนย์ และบรรลุเป้าหมายให้ขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ที่ทำด้วยพลาสติกเป็นศูนย์ ด้วยปริมาณพลาสติกที่ใช้ต้องเท่ากับปริมาณพลาสติกที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ หรือถูกนำมารีไซเคิล “การร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของสองบริษัทที่มีเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างแนวทางที่ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค คาโอมีกลยุทธ์ ESG ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า “Kirei Lifestyle” (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์) ในการสร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อชีวิตที่สวยงามสำหรับผู้คนในทุกๆ วัน โดยผลิตภัณฑ์คาโอทั้งหมดจะต้องไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวงจรชีวิต เพื่อโลกที่สะอาดและสมบูรณ์” ด้าน วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า SCGP มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับคาโอที่มีเป้าหมายตรงกันในการสร้างความยั่งยืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างประโยชน์แก่ผู้บริโภค ความร่วมมือกันในฐานะพันธมิตรครั้งนี้จะนำมาสู่การสร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี ผ่านการนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม การนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิลในกระบวนการผลิตได้มากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยยกระดับความคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้คนในสังคม ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้แก่ทุกภาคส่วน ดังนั้น แนวทางดังกล่าวจึงสอดคล้องกับนโยบายของ SCGP ที่ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของสินค้าและบริการ เป็นส่วนหนึ่งของระบบบริหารจัดการด้านคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนมีการควบคุมและติดตามผลของการดำเนินงานอย่างจริงจังตามแนวทางสากลเพื่อให้บรรลุที่ตั้งไว้ โดย SCGP ยังเน้นหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปริมาณของเสียจากอุตสาหกรรม เพิ่มสัดส่วนการนำกระดาษที่ใช้งานแล้วจากผู้บริโภคนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตและเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ และตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ทั้งนี้ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียนที่นำเสนอทั้งบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ (Fiber-based Packaging) บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ (Performance and Polymer Packaging) บรรจุภัณฑ์อาหาร (Foodservice Products) และผลิตภัณฑ์เยื่อและกระดาษ (Pulp and Paper Products) พร้อมโซลูชันการออกแบบ การพิมพ์ที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของคู่ค้า และสร้างคุณค่าเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค SCGP มุ่งมั่นจุดประกายการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ด้วยการเป็นบริษัทชั้นนำที่มุ่งสนับสนุนให้ลูกค้า ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อมได้ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีฐานการผลิตในเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักร สเปน และไทย อ่านเพิ่มเติม: เปิดตัว “อวานี เฉวง สมุย โฮเทล แอนด์ บีช คลับ” ที่พักสไตล์เรโทรสุดมันส์

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine