“ความปลอดภัย” ยังเป็นอุปสรรค ผู้บริหารไอทียังวางเฉย - Forbes Thailand

“ความปลอดภัย” ยังเป็นอุปสรรค ผู้บริหารไอทียังวางเฉย

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Nov 2014 | 08:41 AM
READ 2556
Dell ได้จัดทำดัชนีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทั่วโลก (GTAI - Global Technology Adoption Index) เป็นครั้งแรก โดยสำรวจจากองค์กรทั่วโลกกว่า 2,000 แห่ง เพื่อหาปัจจัยที่องค์กรจะนำระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึง คลาวด์ โมบิลิตี้ และบิ๊กดาต้ามาใช้ในยุคปัจจุบัน
 
 
ผลการสำรวจพบว่า ผู้นำองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทียังเห็นว่า ความปลอดภัยเป็นอุปสรรคสำคัญสุด สำหรับการใช้งานเทคโนโลยี Mobility (44%) การใช้ Cloud computing (52%) และการใช้ Big Data (35%)  อุปสรรคดังกล่าวเป็นตัวเหนี่ยวรั้งไม่ให้องค์กรลงทุนเทคโนโลยีหลัก 
 
การขาดข้อมูลเรื่องการรักษาความปลอดภัยเหมือนเป็นการเหนี่ยวรั้ง ทำให้องค์กรไม่มีความพร้อมในระหว่างที่เกิดช่องโหว่ความปลอดภัยของระบบได้เช่นกัน มีเพียง 30% ของผู้ที่ตอบแบบสำรวจที่กล่าวว่า ตนมีข้อมูลที่ถูกต้องไว้ช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับความเสี่ยง และมีเพียงหนึ่งในสี่ขององค์กรที่สำรวจเท่านั้นที่มีแผนงานรองรับช่องโหว่ความปลอดภัยทุกรูปแบบ
 
ประเด็นด้านการรักษาความปลอดภัยยิ่งสำคัญมากขึ้น เมื่อผลการสำรวจพบว่าผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ไม่มีส่วนร่วม โดยผู้บริหารระดับสูงที่มีวิสัยทัศน์ และให้เวลาอย่างอย่างเต็มที่กับปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยมีเพียง 28% 
 
ในองค์กรที่ผู้นำระดับสูงมีส่วนร่วมในระบบการรักษาความปลอดภัย ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรเพิ่มขึ้น โดยองค์กรที่มีความมั่นใจด้านการรักษาความปลอดภัยถึง 84% ผู้นำระดับอาวุโสจะมีบทบาทร่วมอย่างเต็มที่ หรือค่อนข้างให้ความร่วมมือเต็มที่ เทียบกับองกรค์ที่ไม่มีความมั่นใจเรื่องรักษาความปลอดภัยที่มีเพียง  43%
 
เข้าสู่ยุคคลาวด์
ในการใช้งานคลาวด์ ผู้บริหารงานไอทีเกือบทุกคนที่สำรวจยอมรับว่า บริษัทของตนใช้หรือมีแผนจะใช้โซลูชัน Cloud  มีเพียง 3% เท่านั้น ที่ยังไม่ได้วางแผนว่าจะใช้ นอกจากนี้ นอกจากนี้การใช้งาน Cloud กับการเติบโตของบริษัทยังมีนัยยะสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน เห็นได้จากกลุ่มบริษัทที่ใช้ Cloud 72% สามารถเติบโต 6% หรือมากกว่านั้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 4% เท่านั้น ที่ไม่รับรู้ถึงการเติบโตหรือมีผลในเชิงลบ ตรงกันข้ามกับบริษัทที่ไม่ได้ใช้ Cloud ที่มีเพียง 24% เท่านั้น ที่มีอัตราเติบโต 6% หรือมากกว่านั้น ในกลุ่มนี้มีถึง 37% ที่ไม่รับรู้ถึงการเติบโตหรือเติบโตในเชิงลบ
 
ในองค์กรธุรกิจที่ใช้โซลูชัน Cloud มากกว่าหนึ่งประเภท ประสิทธิภาพของพนักงานจะเพิ่มมากขึ้น 15% เมื่อเทียบกับองค์กรที่ใช้โซลูชัน Cloud ประเภทเดียว 
 
ยังลังเลใช้งานโมบิลิตี้ 
ผลสำรวจยังพบว่าองค์กรที่ใช้ Mobile Workforce ได้รับประโยชน์ทันที ในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานและผลิตภาพของพนักงาน ทั้งนี้ 41% มองว่าประโยชน์คือการเพิ่มประสิทธิภาพ  ขณะที่ 32% เปอร์เซ็นต์ มองเรื่องผลิตภาพของพนักงาน  
 
และเนื่องจากมีการใช้โมบายกันแพร่หลายในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ธุรกิจในประเทศเหล่านั้นดำเนินนโยบาย BYOD (Bring-Your-Own Device) หรือยินยอมให้พนักงานนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในงานอย่างเป็นทางการสูงกว่าที่อื่น (34% ในลาตินอเมริกา และ 37% ในเอเชียแปซิฟิก เทียบกับอเมริกาเหนือที่มีอัตรา BYOD ที่ 30% และในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาที่ละ 20%)
 
แม้ว่าจะโยชน์จากเทคโนโลยี Mobility ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ยังติดขัดในปัญหาด้านความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ โดยครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสำรวจชี้ว่า ความเสี่ยงของข้อมูลในกรณีทำอุปกรณ์หาย และการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายที่ไม่มีระบบป้องกันภัยที่ดี เป็นความเสี่ยงสูงสุด ขณะที่ 44% เห็นว่าช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นอุปสรรคในการขยายการใช้งานโมบายภายในองค์กร  
 
ศักยภาพของบิ๊กดาต้า
ปัญหาการใช้ Big Data ระดับองค์กรที่พบเหมือนกัน นั่นคือไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับ Big Data 61% ของผู้ตอบการสำรวจทั่วโลกยอมรับว่า องค์กรตัวเองมี Big Data แต่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ มีแค่ 39% ที่เข้าใจว่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร 
 
องค์กรที่ใช้ข้อมูลทางธุรกิจเชิงลึกจาก Big Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าองค์กรที่ไม่มีความสามารถ โดยเฉลี่ยอัตราเติบโตอยู่ที่สามปี (14%) ส่วนองค์กรที่ใช้งาน Big Data ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จะเติบโตกว่าองค์กรที่ใช้งาน Big Data ให้เกิดประสิทธิภาพน้อยที่สุด (8%) ถึงสองเท่า