กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย มุ่งสร้างความยั่งยืนด้านทรัพยากรน้ำสู่ลุ่มน้ำยม - Forbes Thailand

กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย มุ่งสร้างความยั่งยืนด้านทรัพยากรน้ำสู่ลุ่มน้ำยม

PR / PR NEWS
18 Dec 2019 | 02:30 PM
READ 3153

กลุ่มธุรกิจ TCP โดย “TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทยโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เริ่มเดินหน้าโครงการแรกสำหรับการบริหารจัดการแหล่งน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยม พร้อมจับมือ อพ.และ สสน. ร่วมด้วยเครือข่ายชุมชนบ้านแม่ขมิง .แพร่ และจิตอาสาภายในกลุ่มธุรกิจ TCP ร่วมเรียนรู้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดแพร่ และร่วมกันทำกิจกรรมปรับปรุงระบบส่งน้ำ

สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ TCP เป็นองค์กรของคนไทยที่เป็นเจ้าของเครื่องดื่มแบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม และเพียวริคุ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรานั้นใช้น้ำเป็นวัตถุดิบสำคัญ ดังนั้น เราจึงกำหนดนโยบายทั้งภายในและภายนอกในเรื่องการจัดการทรัพยากรน้ำตามแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่มุ่งเน้นสร้างการเติบโตของธุรกิจไปพร้อมๆ กับการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

เรามุ่งสร้างกระบวนการทำงาน กระบวนการผลิต และผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกให้พนักงานเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสุงสุด ในขณะเดียวกัน เรายังมุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภายนอกที่เกี่ยวข้องกับน้ำบนดิน และน้ำใต้ดิน เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี จนเกิดเป็น โครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย ที่ได้ทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำที่หลากหลาย อาทิ อพ. สสน. และสถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำใต้ดิน .ขอนแก่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนให้กับแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของชุมชนในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำปราจีนบุรี ก่อนขยายไปสู่ลุ่มน้ำอื่นๆ ทั่วประเทศสราวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ บทบาทของ สสน. จะทำงานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามแนวพระราชดำริ โดยการผสมสานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับหลักสังคมศาสตร์ รวมทั้งถ่ายทอดให้ชุมชนได้เรียนรู้วิธีการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งจากภาพถ่ายจากดาวเทียม โปรแกรมแผนที่ และเครื่องจับพิกัดจุด เพื่อนำมาจัดทำแผนที่น้ำของชุมชน รู้ระดับสูงต่ำของพื้นที่ แสดงเส้นทางท่อส่งน้ำตั้งแต่จุดตั้งต้นจนถึงพื้นที่เกษตรของสมาชิกผู้ใช้น้ำ รวมทั้งวิเคราะห์สมดุลน้ำหาความสัมพันธ์ระหว่างน้ำฝน น้ำที่เก็บในอ่าง และความต้องการน้ำของพืชที่ปลูก เพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้ครบวงจรในแต่ละปี

ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กล่าวว่า สำหรับปัญหาเรื่องน้ำของจังหวัดแพร่ ไม่ได้เกิดจากการขาดแคลนแหล่งน้ำ แต่มักจะเกิดจากแหล่งน้ำหลักตื้นเขิน หรือมีสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายน้ำ ซึ่งการฟื้นฟูและการบริหารจัดการน้ำจึงมีแนวทางฟื้นฟูแหล่งน้ำเดิมที่มีอยู่ให้กลับมาทำหน้าที่ได้ เช่น ขุดลอกลำน้ำสายหลักในช่วงที่ตื้นเขินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การปรับปรุงระบบส่งน้ำและกระจายน้ำให้กับพื้นที่ให้รับน้ำได้อย่างทั่วถึง บรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง แต่ด้วยแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนั้นการดำเนินงานแก้ไขปัญหาน้ำเชิงพื้นที่ เราจะต้องทำอย่างเข้าใจธรรมชาติของน้ำ เข้าใจระบบนิเวศ และติดตามความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและสภาพอากาศ เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แต่เกิดประโยชน์มากที่สุดและมีความยั่งยืน

ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อพ.) กล่าวว่า การที่เราจะแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิผลสูงสุด เราจำเป็นต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนในพื้นที่ให้สามาถดำเนินงานได้ด้วยตนเอง และเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดตำแหน่งที่ตั้งโครงการ รูปแบบของงาน ปริมาณเก็บกักน้ำที่เหมาะสม รวมถึงการบำรุงดูแลรักษาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระยะยาว ซึ่งวิธีนี้จะสร้างความเป็นเจ้าของพื้นที่และเห็นความสำคัญ ทำให้เป็นที่ยอมรับจากชุมชนเอง ทั้งผู้ได้รับประโยชน์ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้เรามีชุมชนที่มีความพร้อมที่จะร่วมพัฒนาลุ่มน้ำกับโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย จำนวน 6 จังหวัด ใน 2 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำยม ที่ .แพร่ สุโขทัย และพิจิตร และลุ่มน้ำปราจีน ที่ .นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้วดร.รอยล กล่าว

สำหรับ .แพร่ถือเป็นต้นแบบของระบบข้อมูลที่ใช้สำหรับบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อติดตามสถานการณ์ และวางแผนบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ ทั้งในสภาวะปกติและวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากการทำงานอย่างมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคประชาชนในการพัฒนาลุ่มน้ำยม ทำให้เกิดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้การบริหารจัดการโดยชุมชนและคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำของแต่ละชุมชนในลุ่มน้ำยม

ทั้งนี้ ตามแผนการดำเนินงาน 5 ปี (.. 2562 - 2566) ของโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย และพันธมิตร จะสามารถช่วยให้ชุมชนในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำปราจีนกว่า 16,000 ครอบครัว ใน 6 จังหวัด ได้เข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคมากกว่า 12 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือกว่า 3 เท่าของปริมาณน้ำที่กลุ่มธุรกิจ TCP ใช้ในตลอดกระบวนการ และคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับชุมชนจากการมีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอ โดยกลุ่มธุรกิจ TCP ได้สนับสนุนเงินทุนในการดำเนินการไว้ราว 100 ล้านบาท

TAGGED ON