‘กลุ่มจันวาณิชย์’ รุกธุรกิจสุขภาพ เปิดตัวแบรนด์ “โพสิทีฟ” รุกตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพสูง สานต่อวิสัยทัศน์องค์กร มุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีตอบแทนสังคม มองเป็นโอกาสสร้างธุรกิจให้คนไทย ชูโมเดลธุรกิจหัก 1% เข้ามูลนิธิช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เปิดแผนปี 65 ขยายตัวแทนจำหน่าย 1,000 คน สร้างโอกาสธุรกิจให้คนไทย
มารชัย กองบุญมา ประธาน บริษัท เคบีเอ็ม กู๊ดวิล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์โพสิทีฟ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเสริมอาหารคุณภาพสูง ในเครือบริษัท จันวาณิชย์ ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลงขั้นสูง ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 100 ปี เปิดเผยถึงการขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ “โพสิทีฟ” เพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการส่งเสริมสังคมให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ จากการที่คนในสังคมต่างมีความปรารถนาดี มีความเอื้ออาทร พร้อมแบ่งปัน ช่วยเหลือ เพื่อสร้างความสุขให้แก่กันและกัน “จากวิสัยทัศน์ดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์ "โพสิทีฟ" เพื่อเป็นตัวแทนของการส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้ทุกคนได้มองเห็นคุณค่าของตัวเอง และคนรอบข้าง เพื่อสร้างสังคมแห่งความคิดบวก ด้วยความเชื่อที่ว่า “คนทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวของตัวเอง” ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถอยู่อย่างมีความสุข และเมื่อแต่ละคนมีความสุข สังคมโดยรวมก็จะเป็นสังคมที่มีความสุขเช่นกัน” มารชัย กล่าวชูโมเดลธุรกิจสร้างสังคมแห่งความสุข
ด้าน ปรีญาณี กองบุญมา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคบีเอ็ม กู๊ดวิล จำกัด เปิดเผยว่า แบรนด์โพสิทีฟให้ความสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยเทคโนโลยีและวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มุ่งนำเสนอในเรื่องคุณภาพ ทั้งแหล่งวัตถุดิบและกระบวนการผลิต การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสูตรที่มีการปรับสูตรให้เหมาะกับคนไทยมากที่สุด ซึ่งในอนาคตบริษัทเปิดกว้างในการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูงจากทั่วโลก เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค ด้วยจุดยื่นของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างแบรนด์โพสิทีฟ เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีผ่านสินค้าที่มีคุณภาพ ให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีทั้งภายนอกและภายใน รวมไปถึงข้างในจิตใจ ซึ่งตอกย้ำผ่านสโลแกนของแบรนด์ “นี่คือเธอ!” (It’s Real You!) เพื่อสื่อสารให้คนตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง พร้อมส่งพลังบวกให้กับทุกคนในสังคม โดยบริษัทยังได้สร้างสรรค์เพลง “นี่คือเธอ” ขึ้น เพื่อสื่อสารแนวคิดดังกล่าว ขับร้องโดย “พิมรี่พาย” เปิดตัว MV ไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ปัจจุบันมียอดวิวมากกกว่า 800,000 วิว ในขณะนี้ ปรีญาณี กล่าวว่า ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการส่งมอบความสุขให้ทุกคน บริษัทได้มีการหัก 1% ของยอดขายในทุกช่องทาง เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการของมูลนิธิธรรมนำไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เด็ก คนชรา คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม เพื่อให้ความช่วยเหลือได้ส่งต่อไปสู่สังคมรอบข้างได้มากยิ่งขึ้นเร่งขยายตัวแทนจำหน่าย
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามในประเทศไทย ผู้บริหารแบรนด์โพสิทีฟ มีมุมมองว่า ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผลิตภัณฑ์และบริการ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตก็ยังคงเติบโต โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและความงาม อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง เข้าง่าย ออกง่าย สำเร็จยาก ตัวจริงที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพเท่านั้นที่จะสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าเมื่อคุณภาพดีแล้วจะสามารถประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้ได้กันทุกคน โพสิทีฟ ชัดเจนเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้ได้ดีที่สุด ให้เหมาะกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง ในราคาที่เป็นธรรม และเข้าถึงได้” ปรีญาณี กล่าว ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ POSITIF แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่อง เพื่อสร้างความหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย ปีนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 คน จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 คน โดยในปี 2564 บริษัทเน้นการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และโซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce) เป็นหลัก ได้แก่ Line, Facebook, IG และช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังอย่าง Shopee, Lazada รวมถึงร้านค้าปลีกออนไลน์ขนาดใหญ่ อาทิ Konvy, Shop24 และ King Power นอกจากนี้ ยังมีคู่ค้าที่เป็นพันธมิตรในการจัดจำหน่ายสินค้าถึงผู้บริโภคอีก 2 รายใหญ่ ปรีญาณี กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากขึ้น โดยช่องทางออนไลน์ เราต้องการบุกตลาดเข้าไปในทุกช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าของโพสิทีฟได้ง่ายและสะดวกที่สุด รวมถึงช่องทางออฟไลน์ เช่น ร้านขายยา และร้านที่จำหน่ายสินค้าสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายแบบ Dropship เพื่อมอบโอกาสให้ผู้ที่ต้องการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยตัวแทนจะได้รับการดูแลจากบริษัทฯ โดยตรง เพื่อคอยแนะนำ และให้คำปรึกษาในกลยุทธ์วิธีการขายและเรื่องต่างๆ เสมือนเป็นพนักงานของบริษัท รวมถึงมีโปรแกรมฝึกอบรมจากโค้ชต่างๆ เพื่อช่วยติดอาวุธให้ตัวแทนจำหน่ายมีความแข็งแกร่ง เพื่อให้ทุกคนไปเป้าหมายได้เร็วขึ้น “เรากำลังมองหาคู่ค้าที่มีความชำนาญในธุรกิจ และเห็นความสำคัญของการให้และส่งต่อ เพื่อมาร่วมกันทำธุรกิจให้สังคมเป็นสังคมที่น่าอยู่ โดยร่วมกันสร้างธุรกิจให้เติบโต ควบคู่ไปกับการแบ่งปันให้สังคมไปพร้อมๆ กัน” ปรีญาณีกล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: สำรวจความพร้อมธุรกิจไทยรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine