กรังด์ปรีซ์ หรือ GPI ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ลงทุนใหญ่ในธุรกิจโรงไฟฟ้าแปรรูปขยะเป็นพลังงาน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ พร้อมจ่ายไฟไตรมาส 3 กระจายความเสี่ยงธุรกิจลดพึ่งพารายได้จากการจัดงานแสดงสินค้า
พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ (MW) ในอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 700,000 หุ้นหรือคิดเป็น 25.45% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของทรูเอ็นเนอร์จี โดยใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาท ซึ่งมีแหล่งเงินมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และจะส่งผลให้ทรูเอ็นเนอร์จี มีสถานะเป็นบริษัทร่วมของ GPI “ปัจจัยที่บริษัทตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะมองว่าโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF เป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอนและมีความสม่ำเสมอในระยะยาว เนื่องจากมีการทำสัญญาขายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ชัดเจน ประกอบกับทรูเอ็นเนอร์จีเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการธุรกิจเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังใช้เชื้อเพลิงที่มาจากการแปรรูปขยะชุมชน เป็นการช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” พีระพงศ์ กล่าวถึงการลงทุนครั้งใหญ่หลังจากพิจารณาโอกาสการลงทุนในธุรกิจต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับการเข้าลงทุนดังกล่าวนับเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งใหญ่ของ GPI ด้วยความเชื่อมั่นในโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงจากสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้า โดยบริษัทจะได้รับสิทธิ์เป็นกรรมการในบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ส่วน ทรูเอ็นเนอร์จี จะรับผิดชอบการบริหารโรงไฟฟ้าและการจัดหาขยะชุมชนเพื่อนำมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF (Refuse Derived Fuel) เพื่อผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีแหล่งขยะเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้น พีระพงศ์คาดว่า โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ทั้งสิ้นปีละประมาณ 400 ล้านบาทและใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 5 ปี โดยมีผลต่อโครงสร้างผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทฯ ที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น 25.45% ในธุรกิจโรงไฟฟ้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้หลักจากกลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดซึ่งมีสัดส่วนรายได้กว่า 84.15% ในปีที่ผ่านมา “ประเมินว่าการลงทุนครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 5 ปี ประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return: EIRR) ที่ 11% ต่อปี ถือว่าค่อนข้างเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ จากปัจจุบันที่มีแหล่งรายได้จากธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์ เช่น งาน Bangkok International Motor Show และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ธุรกิจงานพิมพ์ และธุรกิจสื่อ” พีระพงศ์ กล่าวถึงแนวโน้มรายได้ที่มีโอกาสเติบโตจาก 733.89 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 102.72 ล้านบาทในปี 2562
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine