ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของชายหนุ่มผู้นำ Silicon Valley ส่งตรงถึงมือ startup ไทย ในฐานะที่เคยร่ำเรียนอยู่มหาวิทยาลัย Stanford สหรัฐอเมริกา และเป็นคนไทยที่สามารถโลดแล่นใน Silicon Valley กับตำแหน่ง Quantitative Marketing Manager ดูแลการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และรับตำแหน่ง Product Marketing Manager (Global Lead) ของ Google Earth/Moon/Mars และเจ้าของธุรกิจ startup รุ่นแรกซึ่งทำ mobile application ในสหรัฐอเมริกา
ปี 2555 "กระทิง" เรืองโรจน์ พูนผล เปิดโรงเรียนบ่มเพาะผู้ประกอบการ startup ไทยที่ใช้ชื่อว่า Disrupt University พร้อมกับนั่งเก้าอี้ทำงานใน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) ทั้งยังร่วมกุมบังเหียนบริหารกองทุน 500 TukTuks สนับสนุน startup ไทยให้ก้าวสู่ฝั่งฝันได้อย่างแข็งแกร่งในระดับโลก
ความไม่ธรรมดาของกระทิงทำให้ในวงการ startup มอบสมญานาม "นักปั้น" จนถึง "Godfather of Thai Tech Startup” หากแต่เขามองตัวเองเป็นเพียง "โค้ช" ผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งทำหน้าที่ให้ความรู้ คำปรึกษา พร้อมดึงศักยภาพของบรรดา startup ให้ฉายชัด
“ที่นี่เป็นที่แรก ไม่เคยมีใครเปิดสอนมาก่อน ไม่ต้องไปถึง Silicon Valley เพื่อเรียนรู้ เพราะผมนำสิ่งที่เรียนรู้จาก Stanford Google และหลักสูตรจากโครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการที่ดีที่สุดของโลกที่ผมเคยเข้าร่วม ผมอ้างอิงสิ่งที่เคยทำงานใน Silicon Valley และผมยังชักชวนคนเก่งๆ ใน Silicon Valley ซึ่งต้องการร่วมให้ความรู้กับ young entrepreneur ตามคำนิยามของเรา คือ Bringing Silicon Valley to Thailand"
ขณะที่บทบาทหน้าที่ของโค้ชไม่หยุดอยู่ที่การสนับสนุนระยะเริ่มต้น แต่ยังเป็นผู้ร่วมทางให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง จนถึงการสนับสนุนธุรกิจให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเป็นผู้ร่วมบริหารกองทุน 500 TukTuks สำหรับ startup ไทย โดยมีมูลค่ากองทุน 300 ล้านบาทหรือ 10 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นกองทุนย่อยในเครือ 500 Startups ของสหรัฐอเมริกา
สำหรับธุรกิจที่กระทิงมองหา อันดับแรกจำเป็นต้องมีผู้ร่วมก่อตั้ง startup ที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะในธุรกิจดิจิตอลหรืออินเตอร์เน็ต ผู้ร่วมทีมต้องประกอบด้วย Chief Technology Officer (CTO) และ CEO ซึ่งสามารถทำงานได้ทุกตำแหน่งหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว รวมทั้ง Designer โดยทั้งหมดต้องมีประสบการณ์ทำงานร่วมกันเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปีขึ้นไป นอกเหนือจากโมเดลทางธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว
“อีก 3 ปี TukTuks น่าจะลงทุนหมด และเราดำเนินงาน Disrupt University พอสมควรแล้ว เราอยากเป็น venture builder ซึ่งไม่ใช่แค่โรงเรียนแต่เป็น system เป็น process องค์กร ถ้าผมทำ startup เอง ปีหนึ่งอาจจะได้แค่บริษัทเดียว แต่ถ้า Disrupt ผมสร้างบริษัท startup ได้ปีละ 10 บริษัท ซึ่ง 10 ปีก็คือ 100 บริษัท นี่คือความฝัน"
คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "กระทิง Behind a Startup" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2015