ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกความร่วมมือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สานต่อโครงการฟื้นฟูแหล่งพันธุ์หอยหวานบริเวณชายฝั่งทะเลจังหวัดระยองโดยชุมชนมีส่วนร่วม ปี 2566 (ปีที่ 2) เดินหน้าภารกิจฟื้นฟูทรัพยากรหอยหวาน และคืนความอุดมสมบูรณ์กลับสู่ระบบนิเวศชายฝั่งทะเล จ.ระยอง
กมลทิพย์ สรวยสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกิจการองค์กรและความยั่งยืน ผู้ช่วยประธานบริหาร ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “ทรัพยากรทางทะเลมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของคนในชุมชน โดยในส่วนของชายฝั่งทะเลจังหวัดระยองเป็นแหล่งทรัพยากรหอยหวานที่สำคัญของภาคตะวันออกที่ในระยะหลังประสบปัญหาจำนวนของทรัพยากรหอยหวานลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาในการสานต่อของโครงการฟื้นฟูแหล่งพันธุ์หอยหวานบริเวณชายฝั่งทะเลจังหวัดระยองโดยชุมชนมีส่วนร่วม ปี 2566 ในครั้งนี้”
โดยศูนย์การค้าฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและร่วมสนับสนุนโครงการด้วยเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อการศึกษาปริมาณและอัตราการจับหอยหวานก่อนและหลังการปล่อยพันธุ์หอยหวาน ฟื้นฟูทรัพยากรหอยหวานบริเวณชายฝั่ง จ.ระยอง และศึกษาการบริหารจัดการแหล่งพันธุ์หอยหวานโดยชุมชนมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากร เพิ่มพูนปริมาณสัตว์น้ำทางทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ได้ดำเนินการปล่อยลูกพันธุ์หอยหวาน 200,000 ตัว ลูกพันธุ์ปูม้า 1,000,000 ตัว ลูกพันธุ์หมึกกระดอง 99 ตัว พ่อแม่พันธุ์ปู 299 ตัว รวมทั้งสิ้น 1,200,398 ชีวิต
โครงการฟื้นฟูแหล่งพันธุ์หอยหวานบริเวณชายฝั่งทะเลจังหวัดระยองโดยชุมชนมีส่วนร่วม ปี 2566 ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วน ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง กองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล กรมประมง สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง จังหวัดระยอง บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด กลุ่มประมงบ้านพยูน และชุมชนประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของหอยหวานในพื้นที่ ชุมชนประมงมีความเข้มแข็ง นำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้จังหวัดระยอง รวมถึงการเป็นต้นแบบของการจัดทรัพยากรหอยหวานเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
“ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ มีความยินดีที่ได้ร่วมสนับสนุนโครงการ ร่วมประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถรับรู้และเข้าถึงโครงการมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความตระหนัก และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลให้คงอยู่ต่อไปได้ รวมทั้งมีความตั้งใจที่จะเดินหน้าให้การสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนบ้านฉางและจังหวัดระยอง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา และวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชนและ จ.ระยอง ต่อไปในอนาคต” กมลทิพย์ กล่าว
อ่านเพิ่มเติม : Forbes 30 Under 30 Asia 2023 (ตอนที่ 2)
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine