"เซ็ปเป้" รุกปรับแผนผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะตลาดสุขภาพสร้างโมเมนตัมในตลาดอาหารและเครื่องดื่ม หลังอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าและกำลังซื้อกลับมาตามการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศ ส่งผลบวกรายได้ไตรมาส 2 เติบโต 31.9% และกำไรสุทธิเพิ่ม 53.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโต 10-15%
ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 (เมษายน-มิถุนายน) ว่า แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 960.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ มีรายได้รวม 728.2 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 125.2 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 53.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 81.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยตลาดต่างประเทศสามารถกลับมาเติบโตในอัตราร้อยละ 52 โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ยุโรป และ อเมริกา แม้ต้องเผชิญอุปสรรคด้านค่าระวางการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทสามารถเข้าไปบริหารจัดการได้อย่างใกล้ชิด ส่วนตลาดในประเทศไตรมาสนี้ได้มีการลงนาม MOA โครงการส่งเสริมการปลูกพืชกัญชงกับ บจ.ไทย เฮมพ์ เวลเนส เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์กัญชงแล้ว SAPPE ยังได้ปรับแผนเชิงรุกเพื่อขยายตลาดในประเทศโดยเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค สำหรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์ออกใหม่ เช่น เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม, เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร ตะขาบห้าตัว Sappe x Takaab, เครื่องดื่มสมุนไพรแบบช็อตรูบี้ เลดี้, กาแฟเพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ คอลลาเจน ไทพ์ทู, แม็กซ์ทีฟ กาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม ส่วนในกลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ลูกอมครูเพ็ญศรี โดยร่วมมือกับพันธมิตร Sappe x Workpoint ทำให้มีโมเมนตัมในตลาดอาหารและเครื่อมดื่มมากขึ้น ปิยจิตยังคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2564 ว่า บริษัทจะสามารถรักษาการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดต่างประเทศอันเนื่องมาจากแบรนด์สินค้า ช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับตลาดในประเทศ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Functional Drink รวมถึงสร้างสีสันให้กับตลาดอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคักไม่แพ้ช่วงครึ่งปีแรก พร้อมคาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2564 จะสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายราวร้อยละ 10-15 อ่านเพิ่มเติม: Samsung Galaxy Unpacked เปิดตัวมาตรฐานสมาร์ทโฟนสำหรับยุคใหม่ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine