หากย้อนกลับไปในปี 1957 ที่ Nissan ได้เปิดตัว Nissan Skyline เวลานั้นรถยนต์ตระกูลนี้ได้สร้างชื่อเสียงระดับซุปเปอร์สตาร์ในประเทศญี่ปุ่นและในวงการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในฐานะรถแข่งจากเอเชียที่สามารถทำความเร็วเทียบชั้นกับรถยนต์จากยุโรป
และตำนานแห่ง Nissan Skyline นั้นได้สร้างฝันเด็กชายวัย 10 ปี ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในตำนานและ Forbes Thailand ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับเด็กชายผู้นั้นที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Chief Product Specialist Nissan Motor Co., Ltd.
“ในสมัยนั้นจากรูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถจะไม่รู้เลยว่ารถมีความแรงแค่ไหน เราเองเรียกรถของเราว่า sleeper หรือ หมาป่าในคราบลูกแกะ ภายนอกเรียบงานแต่สมรรถนะข้างในคือรถแข่ง” Hiroshi Tamura กล่าวพร้อมเสริมถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบ Nissan Skyline ใน Generation ต้นๆ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของชาวเอเชียอันน้อบน้อมถ่อมตนไม่อวดอ้างความพลังความแรงที่มี
Tamura เข้ามาทำงานกับ Nissan ตั้งแต่ปี 1984 ดูแลโครงการ Nissan Skyline หรือ Nissan GT-R ในปัจจุบัน แม้ชื่อเรียกจะเปลี่ยนไปแต่ความเป็นที่สุดของเทคโนโลยีจาก Nissan และความปราณีตยังคงถ่ายทอดจนกระทั่งรุ่นล่าสุด
“ในปัจจุบันการออกแบบได้เปลี่ยนไปไม่ซ่อนความแรงในรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย ในรูปลักษณ์ปัจจุบันแม้การออกแบบของเรามีรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้น มีสีสันที่สะดุดตา ที่ก็ยังคงซ่อนความเร็วไว้ภายในเช่นเดิม” Tamura อธิบาย
ในภาษาญี่ปุ่นมีคำๆ หนึ่งที่เขียนว่า
Takumi แปลว่า
ปรมาจารย์ สำหรับ Nissan มีเพียงปรมาจารย์ทางด้านเครื่องยนต์ หรือ Takumi Engine เพียง 5 คนในโลกที่รับเลือกให้ประกอบเครื่องยนต์ GT-R ขึ้นด้วยมือ Takumi Engine ถือเป็นเพียงเสี้ยวส่วนเดียวของตัวตนของ GT-R ที่ผ่านมา GT-R แบ่งเป็น 3 Generation โดยแต่ละ Generation มีสปริตของตนเองที่แตกต่างไปทั้งจากรูปทรงแต่ท้ายสุด GT-R ทุกรุ่นให้ความรู้สึกของการขับขี่ที่สุดยอด โดยมีเครื่องยนต์ของ GT-R เป็นหัวใจสำคัญและเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร
“จีที-อาร์ ถือว่าเป็นรถที่มีแรงม้าสูง จุดเด่นของเครื่องยนต์คือการปรับแต่ง อย่างในรุ่น จีที-อาร์ 32 และ จีที-อาร์ 33 จากเครื่องยนต์ราว 200 แรงม้า สามารถปรับจูนเครื่องยนต์ให้สูงถึง 6-700 แรงม้า อย่าง จีที-อาร์ 33 เครื่องยนต์ราว 500 แรงม้า และสามารถปรับจูนเครื่องได้ถึง 1,000 แรงม้า เลยด้วยซ้ำ” Tamura กล่าวและเสริมว่า
GT-R ถือเป็นสิ่งพิเศษสุดสำหรับ Nissan ปกติการผลิตเครื่องยนต์หนึ่งเครื่องเราสามารถนำไปประกอบในรถยนต์หลากหลายรุ่น แต่ว่า GT-R จะมีเครื่องยนต์เฉพาะสำหรับ GT-R เท่านั้นและเป็นจุดขายสำคัญ และเมื่อเราได้มาถึงเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด เรายังมีสมดุลที่ดีที่สุดมอบให้แก่นักขับด้วย ทั้งในเรื่องช่วงล่าง การขับขี่
ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมาเราได้นำเรื่องสมดุลในการขับขี่เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญ จึงเกิดเป็นรุ่นย่อยที่เรียกว่า GT-R 34 M Spec marsure นอกจากปรมาจารย์ในการประกอบเครื่องยนต์แล้วองค์ประกอบอื่นๆ เรายังมีปรมาจารย์ในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสร้างรถยนต์ซูเปอร์คาร์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการตกแต่งภายใน และปรมาจารย์ทางด้านการขับขี่ทดลองรถยนต์ที่สามารถบอกอารมณ์ของการขับขี่และยังปรับแต่งเครื่องยนต์ได้
“ปรมาจารย์ Hiroyoshi Kato ทำงานในการติดตั้งและปรับจูนให้กับ จีที-อาร์ มากว่า 40 ปีเขาถือเป็นคนสำคัญและเป็นความภูมิใจของบริษัทนิสสัน รถทุกคันของนิสสันผ่านการทดสอบจากเขามาแล้วทั้งนั้น ซึ่งความสามารถนี้เองทำให้เขาได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ จากจักพรรดิ์ญี่ปุ่น” Tamura กล่าว
อย่าง GT-R โมเดลล่าสุดที่เปิดตัวปี 2018 นี้เป็นรุ่นย่อยที่ได้รับการพัฒนาใน Generation ที่ 3 ซึ่งเปิดตัวเป็น รถ Concept Car เมื่อปี 2001 และเปิดจองขายครั้งแรก 2007 ก่อนส่งมอบยังลูกค้าในปี 2008
“ตั้งแต่ปี 1999 เราได้หยุดพัฒนา เจนเนอร์ชั่นที่ 2 หรือ จีที-อาร์ โมเดล อาร์ 34 และระหว่างเป็นเวลาราว 1 ปี ที่เรารวบข้อมูลต่างๆ รอบด้านทั้งจากลูกค้า ผู้สร้าง เพื่อนำเสนอ จีที-อาร์ โมเดลใหม่ที่แตกต่างจากเดิม จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปต์คาร์ของโมเดล จีที-อาร์ รุ่นอาร์ 35 ในเจนเนอร์ชั่นที่ 3”
Hiroshi Tamura ร่วมงานกับ Nissan ตั้งปี 1984 ดูแลภาพรวมของ Nissan Skyline จนกระทั่งปี 2004 Tamura ย้ายรับผิดชอบยังแผนกอื่นๆ ของ Nissan จนราวปี 2012 เขากลับมาดูแลภาพรวมของ Nissan GT-R อีกครั้ง รวมไปถึงโปรเจคมอเตอร์สปอร์ตทั้งหมดอาทิโปรเจค NISMO ที่พัฒนารถแข่ง-รถแต่ง อย่างการนำ Nissan JUKE หรือ Nissan MARCH มาแต่งเป็นรถแข่ง
สำหรับความผูกผันระหว่าง Tamura และ GT-R มีมากมายระหว่างบทสัมภาษณ์ในงานเปิดตัว GT-R 2018 ในมหกรรมยานยนต์ที่เมืองไทย เขาได้นิยามของ GT-R คือ Pursuit of ultimate driving
“ผมอยากลองนึกภาพเมื่อคุณเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยที่พร้อมสัมผัสได้ทันทีความอิสระในการขับขี่ แต่เป็นความอิสระที่ทรงพลังสามารถตอบสนองทุกความต้องการ”
ช่วงสุดท้ายของการพูดคุย Tamura กล่าวทิ้งท้ายถึงความคาดหวังที่มีต่อ GT-R ไว้ว่า
“จีที-อาร์ ถือเป็นยานยนต์ที่ส่งมอบ ประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์ที่สุดของนิสสัน และ จีที-อาร์ ปี 2018 คือ จีที-อาร์ที่ดีที่สุดตั้งแต่รถยนต์รุ่นนี้ได้เคยผลิตออกมา”