เปลี่ยนชื่อใหม่สู่ Volvo EC40 และ EX40 พร้อมเปิดตัว Black Edition ราคารุ่นพิเศษเริ่ม 2.39 ล้านบาท - Forbes Thailand

เปลี่ยนชื่อใหม่สู่ Volvo EC40 และ EX40 พร้อมเปิดตัว Black Edition ราคารุ่นพิเศษเริ่ม 2.39 ล้านบาท

ตอกย้ำการเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า! วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศเปลี่ยนชื่อรุ่นเดิมสู่ชื่อใหม่ Volvo EC40 และ EX40 ยุติการใช้คำว่า Recharge พร้อมเปิดตัวรุ่นพิเศษ แบล็ค เอดิชั่น (Black Edition) ราคาเริ่มต้น 2,390,000 บาท


    Volvo EC40 และ EX40 ได้รับการเปลี่ยนชื่อจากรุ่นเดิม ได้แก่ Volvo C40 Recharge และ XC40 Recharge ตามลำดับ เพื่อสร้างความชัดเจนให้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าจากวอลโว่ และสอดคล้องกับรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง Volvo EX30 นอกจากนี้ วอลโว่ ยังได้ยุติการใช้คำว่า Recharge ในชื่อผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นรวมถึงรถปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid)

    คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภค และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบริษัทรถไฟฟ้าในอนาคต วอลโว่ คาร์ จึงเปลี่ยนชื่อรถไฟฟ้าสองรุ่นแรกของเราให้สอดคล้องกับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัว เราเชื่อว่าชื่อผลิตภัณฑ์ที่ถูกเปลี่ยนจะช่วยมอบความชัดเจนแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นเมื่อซื้อรถไฟฟ้า หรือรถปลั๊กอินไฮบริด จากวอลโว่”

    นอกจากชื่อและเจเนอเรชั่นใหม่ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังประกาศการจำหน่าย Volvo EC40 และ Volvo EX40 ในรุ่น Black Edition เพื่อมอบตัวเลือกที่มากขึ้นแก่ผู้บริโภคที่มองหารถไฟฟ้าที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สีโดดเด่นสะดุดตา และให้คุณสมบัติการใช้งานที่คล่องตัว ตอบโจทย์ในทุกบทบาทที่เป็นคุณ ในทุกมิติของการใช้ชีวิต

Volvo EC40 Black Edition


    ทั้งนี้ Black Edition มาพร้อมการออกแบบโทนสีภายนอกด้วยสีดำ Onyx Black องค์ประกอบการตกแต่งอื่นๆ อาทิ โลโก้วอลโว่ที่กระจังหน้า ตัวอักษรวอลโว่ที่ด้านหลัง ป้ายชื่อรุ่น และล้อแม็กซ์อัลลอย์ขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์ 5 ก้าน ล้วนมาในสีดำไฮกรอส

    ภายในตกแต่งด้วยโทนสีเข้มรับกับสีตัวรถด้านนอก อาทิ พวงมาลัยแบบสปอร์ตที่ออกแบบมาเพื่อการจับที่ถนัดมือ เพดานหลังคาภายใน และการตกแต่งภายในมาในโทนสีดำ charcoal เบาะที่นั่งผลิตขึ้นจากวัสดุเนื้อผ้าสีดำแบบ Connect Suede Textile/ Microtech ให้สัมผัสพรีเมียมที่แฝงความเท่ไว้ในตัว ทำให้ Black Edition ของรถทั้งสองรุ่นมีความสปอร์ต และเรียบหรู ในคันเดียวกัน

Volvo EX40 Black Edition


    ตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสารของ Volvo EC40 และ Volvo EX40 ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่เกะกะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ภายในรถได้ง่าย ทั้งยังให้ลุคที่มินิมอล เรียบหรู ในแบบสแกนดิเนเวียนดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของวอลโว่

    นอกเหนือจากตัวเลือกพิเศษอย่างรุ่น Black Edition รถไฟฟ้า Volvo EC40 และ EX40 ยังมาพร้อมสีตัวถังภายนอกใหม่ ได้แก่ สี Sand Dune ที่ตัดกับโครงหลังคาสีดำของตัวรถอย่างลงตัว

สี Sand Dune


    รถทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบสาระบันเทิง (infotainment) ที่มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม โดยรองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นจาก Google และระบบปฏิบัติการ Android โดยผู้ใช้งานสามารถใช้บริการจาก Google อาทิ บริการนำทาง Google Maps, การสั่งงานต่างๆ ผ่าน Google Assistant หรือดาว์นโหลดแอปที่รองรับผ่าน Google Play Store

    พลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (Twin Motor)* ของ Volvo EC40 และ EX40 ให้ระยะทางการขับสูงถึง 650 กิโลเมตร ใน Volvo EC40 และ 645 กิโลเมตรใน Volvo EX40 แบตเตอรี่ความจุขนาด 82kWh แรงม้าสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 408hp ให้แรงบิดสูงสุดถึง 670Nm รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 200 kW DC.

    พลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว (Single Motor)* ของ Volvo EC40 และ EX40 ให้ระยะทางการขับสูงถึง 590 กิโลเมตร ใน Volvo EC40 และ 565 กิโลเมตร ใน Volvo EX40 แบตเตอรี่ความจุขนาด 69kWh แรงม้าสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 238hp ให้แรงบิดสูงสุดถึง 420Nm รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 150 kW DC.

    สำหรับราคาของ Volvo EC40 และ EX40 เจเนอเรชั่นใหม่ รวมถึงรุ่น Black Edition มีดังต่อไปนี้

    -Volvo EC40 Ultra - Twin Motor Black Edition ราคา 2,490,000 บาท

    -Volvo EX40 Ultra - Twin Motor Black Edition ราคา 2,390,000 บาท

    -Volvo EC40 Ultra - Twin Motor ราคา 2,790,000 บาท

    -Volvo EC40 Ultra – Single Motor ราคา 2,090,000 บาท

    -Volvo EX40 Ultra - Twin Motor ราคา 2,690,000 บาท

    -Volvo EX40 Ultra – Single Motor ราคา 1,990,000 บาท



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : TTA ของตระกูล ‘มหากิจศิริ’ จับมือค่ายรถจีน King Long เรียบร้อย บุกตลาด ‘กระบะไฟฟ้าเชิงพาณิชย์’ ในไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine