ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์หยุดการผลิตในหลายประเทศ ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกดิ่งเหวในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังทำสถิติเลวร้ายอีกครั้งนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเมืองสหรัฐฯ เมื่อปี 2008 แต่ Tesla สวนกระแสยอดขายด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา GM ได้ประกาศยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรกในสหรัฐฯ ตกลง 7% ขณะที่ Fiat Chrysler ยอดขายลดลง 10% ด้าน Ford ยอดขายลดลงที่ราว 9% ส่วนค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นยอดขายลดลงกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น Toyota ลดลง 37% Nissan ลดลง 29% และ Honda ลดลง 48% แต่ในทางตรงข้ามTesla กลับทำสถิติยอดขายประจำเดือนมีนาคมในประเทศจีนไปได้อย่างท่วมท้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ด้วยสัดส่วนการขายมากถึง 25% ของตลาดรถยนต์ EV ในประเทศจีน จากการเปิดเผยของ China Passenger Car Association ที่เผยข้อมูลการส่งมอบรถยนต์ของTesla เป็น 10,160 คันภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นสถิติยอดขายสูงสุดที่ดีที่สุดของบริษัทสัญชาติอเมริกันเมื่อเทียบกับยอดขายต่อเดือน โดยยอดขายดังกล่าวมาจากความแข็งแกร่งของรถยนต์ในโมเดลรุ่น 3 และรุ่น S และ X ที่เป็นเรือธง ถือเป็นเรื่องประหลาดใจมากที่Tesla สามารถสวนกระแสตลาดรถยนต์ในจีนท่ามกลางภาพรวมการขายตกลงมากว่า 40% โดยสองเหตุผลหลักที่ทำให้Tesla ทำลายสถิติยอดขายในครั้งนี้ คือการปรับเทคนิคการขายด้วยการบริการส่งมอบรถยนต์ถึงหน้าบ้าน และมุ่งทำการสื่อสารตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่กำลังซื้อ ในขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ใน Shanghai สามารถผลิตและเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าภายในประเทศ และทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สามารถจับต้องได้ เมื่อไม่มีภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ในขณะที่ต้นเดือนมกราคมที่มา Tesla ประสบปัญหามากมายให้เผชิญ ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้า ยอดขายที่ถูกกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และการปิดโรงงานผลิตใน Shanghai เป็นเวลาหลายสัปดาห์จากคำสั่งของรัฐบาลจีน![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Tesla-03.jpg)
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine