โรลส์-รอยซ์ เผยโฉม Arcadia รุ่น Droptail ที่สุดแห่งยนตรกรรมสั่งทำพิเศษตามความต้องการลูกค้า - Forbes Thailand

โรลส์-รอยซ์ เผยโฉม Arcadia รุ่น Droptail ที่สุดแห่งยนตรกรรมสั่งทำพิเศษตามความต้องการลูกค้า

โรลส์-รอยซ์ เผยโฉม ARCADIA DROPTAIL ยนตรกรรมที่สั่งทำขึ้นพิเศษตามความต้องการของลูกค้า ล่าสุดได้ทำการส่งมอบรถแก่ผู้ครอบครองอย่างเป็นทางการแล้ว ณ ประเทศสิงคโปร์


    คริส บราวน์ริดจ์, ซีอีโอ, โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เผยว่า “Rolls-Royce Coachbuild คือตัวแทนแห่งความเป็นเลิศของแบรนด์ เรานำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี ซึ่งแสดงถึงคุณค่าและความสำเร็จของผู้ที่ครอบครองเป็นเจ้าของ Arcadia Droptail คือ ยนตรกรรมอันยอดเยี่ยมของเราในด้านการออกแบบ งานฝีมือ และงานวิศวกรรม ที่ยากจะหาใครมาเทียบ”        

    ด้าน แอนเดอร์ส วอร์มมิง, ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ, โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ให้ความเห็นว่า “Rolls-Royce Arcadia Droptail แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของแนวคิด Coachbuild ได้อย่างงดงาม การออกแบบให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของผู้เป็นเจ้าของ ผลงาน Droptail แต่ละคันสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และการตีความที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งผลงาน Arcadia Droptail คือการแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญภายใต้ความเรียบง่ายและความประณีต ซึ่งได้รับอิทธิพล จากไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราแบบอังกฤษ”



    ทั้งนี้ Rolls-Royce รุ่น Arcadia Droptail ได้รับการตั้งชื่อตามสถานที่ในเทพนิยายกรีกโบราณที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น ‘สวรรค์บนดิน’ โดยแผ่นดินที่ชื่อว่า Arcadia ในตำนานเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและงดงามตามธรรมชาติ ด้วยแรงบันดาลใจจากสถานที่ดังกล่าว Arcadia Droptail จึงได้รับการออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ผสานความเรียบง่ายโดยใช้วัสดุคุณภาพสูง เสมือนเป็นสถานที่สำหรับการผ่อนคลาย เพื่อหลีกหนีจากความเครียด และความซับซ้อนวุ่นวายในชีวิตการทำงาน 

    นอกจากนี้ ลูกค้าที่สั่งผลิตรถคันนี้ ต้องการให้รถที่สร้างเสร็จ สะท้อนการออกแบบและรายละเอียดของภาพร่างต้นฉบับ ที่วาดด้วยมือในปีค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ได้อย่างสมจริงการออกแบบร่วมสมัยของตัวถังแบบ Roadster ที่ดึงดูดความสนใจ และตรงตามรสนิยมของลูกค้าผู้สั่งผลิตรถคันนี้ โดยจะเห็นได้จาก ‘sail cowls’ หรือฝาครอบส่วนท้ายของ Droptail ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับของเรือยอทช์ เพิ่มความหรูหราให้กับรูปลักษณ์ของรถ และดึงดูดทุกสายตาไปยังผู้ที่อยู่ภายในห้องโดยสาร


รูปลักษณ์: สะท้อนเอกลักษณ์ของ Droptail

    นักออกแบบของ Rolls-Royce Coachbuild ได้พัฒนาโทนสีที่ให้ความสงบและเป็นธรรมชาติ  โดยลูกค้าต้องการตัวรถสีขาวเหนือกาลเวลา ดูชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น นักออกแบบจึงใช้สีขาวล้วน ผสมกับอะลูมิเนียมและอนุภาคของกระจก เพื่อสร้างเอฟเฟกต์แวววาวเมื่อมีแสงตกกระทบ ที่ตัวรถ ช่วยให้สีรถดูมีมิติ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของ โรลส์-รอยซ์ ยังได้พัฒนาสีเงินเมทัลลิกที่มีอนุภาคอะลูมิเนียม ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ตัดกับสีขาวอย่างเหมาะเจาะ ทั้งในเรื่องของสีและความเข้ม ทำให้มีพื้นผิวและรูปลักษณ์ที่เด่น สะดุดตามากขึ้น ตามคำขอของลูกค้า


ห้องโดยสาร: เน้นความงดงามของงานไม้

    ไม้ Santos Straight Grain (ซานโตส ลายตรง) ได้รับเลือกให้นำมาใช้ในงานออกแบบครั้งนี้ เพื่อให้ตรงกับสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของลูกค้า ทางทีมงานได้ใช้เวลาไปกว่า 8,000 ชั่วโมง ในการพัฒนาชิ้นไม้และสารเคลือบป้องกันเพื่อ อายุการใช้งานที่ยาวนานและยั่งยืน


นาฬิกาสั่งทำพิเศษ: ที่สุดแห่งความแม่นยำ

    นาฬิกาที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษฝังอยู่บนแผงหน้าปัดที่ประกอบขึ้นจากไม้  ผลิตโดยนักออกแบบและช่างฝีมือของ โรลส์-รอยซ์ โดยใช้เวลาถึงห้าเดือนในการประกอบ หลังผ่านกระบวนการวางแผนและออกแบบนานกว่าสองปี โดยนาฬิกาดังกล่าวนี้ใช้เทคนิคขั้นสูงอย่าง กิโยเช (Guilloche) เรขาคณิตบนพื้นผิวโลหะพร้อมหน้าตัด 119 ด้าน การออกแบบผลงานชิ้นนี้ นับเป็นการเชิดชูประวัติศาสตร์อันยาวนานของอโรลส์-รอยซ์ เนื่องจากลูกค้าได้ยลโฉมรถยนต์คันนี้ในปี ค.ศ. 2023 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 119 ปีของโรลส์-รอยซ์ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ครอบครองที่มีการเดินทางไปทั่วโลก รถรุ่นนี้จึงถูกผลิตขึ้นโดยมีพวงมาลัยอยู่ทางซ้าย เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานในต่างประเทศ ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V12 พ่วงระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบ ความจุ 6.75 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์” ทุ่ม 700 ล้าน เปิดตัวโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่งและคอนโดในเชียงใหม่

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine