หลังจากเป็นผู้จำหน่ายแบรนด์ BYD ในไทยอย่างเป็นทางการ ล่าสุด ‘เรเว่ ออโตโมทีฟ’ ที่มี ‘ประธานวงศ์ พรประภา’ เป็นซีอีโอกลุ่ม ก็เปิดตัวแบรนด์ใหม่ในเครือคือ DENZA ที่ต้องการเจาะตลาดลักชัวรี พร้อมเปิดตัวรุ่นแรก DENZA D9 รถตู้ไฟฟ้า 100% ราคาเริ่ม 1,999,900 บาท
หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทยในช่วงสองถึงสามปีให้หลังสะท้อนถึงศักยภาพที่รอการปลดปล่อยของตลาดพรีเมียมซึ่งยังคงมีพื้นที่ให้ขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบน
“เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความสำเร็จกับพันธมิตรระยะยาวอย่างเรเว่ ออโตโมทีฟ กับการเปิดตัวแบรนด์ DENZA อย่างเป็นทางการเพื่อยกระดับประสบการณ์ขับขี่ให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงความหรูหราในทุกมิติ
”เราเชื่อว่าแบรนด์ DENZA จะเข้ามาสร้างสีสันและเพิ่มตัวเลือกผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในตลาดให้กับผู้บริโภค กระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และผลักดันตลาดยานยนต์ลักชัวรีพลังงานใหม่ในประเทศไทยให้เติบไตต่อไป”
ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความยั่งยืน จึงยังเห็นการเติบโตและโอกาสของกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ซึ่งรวมถึงรถไฟฟ้าพรีเมียม
"วันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะพาชาวไทยไปสัมผัสอีกระดับของความหรูหรากับ DENZA แบรนด์ยนตรกรรมพลังงานใหม่ระดับลักชัวรี ที่โดดเด่น ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย สมรรถนะที่ไม่เป็นรอง เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
"นำทัพโดย DENZA D9 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ที่สะท้อนความโมเดิร์นและความหรูหรา เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เราเชื่อว่า DENZA D9 จะไม่เพียงมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และความมั่นใจให้กับทุกการเดินทาง แต่จะพลิกโฉมวงการยานยนต์ลักชัวรีอเนกประสงค์ในไทย พร้อมกับสร้างความคึกคักให้กับทั้งอุตสาหกรรมส่งท้ายปีอย่างแน่นอน"
สำหรับ DENZA ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ คือ DENZA D9 โดยแนะนำ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ DENZA D9 Performance AWD ราคา 1,999,900 บาท และ DENZA D9 Premium ราคา 2,699,900 บาท
การออกแบบของ DENZA D9 มาภายใต้แนวคิด DENZA TT - Motion ดีไซน์ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion พร้อมด้วยไฟหน้ารูปแบบ Meteor Arrow และไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา
ด้านสมรรถนะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 275 kW และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ได้ภายใน 6.9 วินาที
เทคโนโลยีเด่นๆ คือระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างแบบไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะจากบีวายดี รองรับการปรับแต่งความกระด้างและความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ลดปัญหาการยุบตัวของตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง
ขณะที่พื้นที่ภายในของ DENZA D9 ให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วย Panoramic Glass Roof ขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า เนรมิตความกว้างขวางสะดวกสบายพร้อมรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง เพิ่มระดับความหรูหราด้วยเบาะหุ้มหนังแท้ Nappa เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง รวมทั้งยังสามารถปรับหมอนรองศีรษะให้เข้ากับสรีระศีรษะได้อีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ ยกระดับความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับและผู้โดยสารแถวที่สอง ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Welcome Seat และปุ่ม reset ตั้งค่าเบาะ ทำให้สะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถ
พร้อมครบครันด้วยระบบมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิง อาทิ หน้าจอมัลติมีเดียสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 15.6 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก Dynaudio Hi-Fi Class ลำโพง 14 ตำแหน่ง ที่พักแขนเบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง พร้อมหน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชัน ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายทั้งหมด 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ห้องโดยสารตอนหน้า 1 ตำแหน่ง และห้องโดยสารแถวที่สองอีก 2 ตำแหน่ง
ทั้งยังมีระบบตู้เย็นภายในรถยนต์ที่สามารถปรับแต่งองศาตั้งแต่ -6 จนถึง 50 และสัญญาณอินเทอร์เน็ต 4G ในตัว ให้ทุกคนใช้ชีวิตยุคออนไลน์ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ พร้อมทั้งเติมเต็มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องโดยสารด้วยกระจกกันเสียง 2 ชั้นรอบคัน
DENZA D9 ยังมาพร้อมความโดดเด่นของเทคโนโลยีอีกมากมายเพื่อการขับขี่อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, เซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 ตำแหน่ง, ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว รวมถึงเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครันสำหรับทุกเส้นทาง อาทิ
- ระบบช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)
- ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
- ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เราจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความไว้วางใจและยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขาย โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการเฉพาะของแบรนด์ DENZA ที่จะพร้อมให้บริการระดับพรีเมียมกับลูกค้าทุกท่านให้เข้ามาสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับลักชัวรีตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป และจะทยอยเปิดเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการใช้รถแบรนด์ DENZA ในอนาคตต่อไป”
ทั้งนี้ โชว์รูมและศูนย์บริการแบรนด์ DENZA นำเสนอบริการระดับพรีเมียมโดยบุคลากรทั้งหมดจาก DENZA ไม่ว่าจะเป็นพนักงานฝ่ายขายและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อมอบประสบการณ์และความประทับใจให้กับลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก
โดยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านสำคัญในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใหญ่ในประเทศไทย พร้อมมอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงให้กับลูกค้าหลากหลายพื้นที่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ประกอบด้วย
- กรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สาธุประดิษฐ์ เพชรบุรีตัดใหม่ และศรีนครินทร์
- ต่างจังหวัด 7 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง เพิ่มอีกด้วย
โดยเปิดให้สั่งจองได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ DENZA ทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : รายได้ BYD แซง Tesla แล้ว! Q3 นำหน้ากว่า 3 พันล้านเหรียญ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine