ค่ายตรีศูล ‘มาเซราติ’ เปิดตัว “กรันทูริสโม โฟลกอเร” (GranTurismo Folgore) รถสปอร์ต ลักชัวรี ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นประเทศที่สองในเอเชีย ด้วยราคา 12.9 ล้านบาท รับตลาดรถหรูฟื้นตัว ชูนวัตกรรมใหม่ผสานตำนาน 75 ปี สไตล์แบรนด์อิตาเลียน ขยายฐานคนรุ่นใหม่มุ่งพลังงานสะอาด คาดปีนี้ปิดยอดขาย 70 - 80 คัน
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรถหรูกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้จะกลับมาเป็นปีที่ดีที่สุด หลังจากในช่วงโควิดการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และการส่งมอบรถยนต์ชะลอตัว โดยมาเซราติ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ ‘มาเซราติ กรันทูริสโม’ โฉมใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาป และขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อขยายฐานคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มเลือกใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังได้สมรรถนะในการขับขี่แบบรถสปอร์ต โดยรุ่น “กรันทูริสโม โฟลกอเร” (GranTurismo Folgore) ถือเป็นการเปิดตัวรถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวของมาเซราติประเทศที่สองในเอเชีย
“คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มเลือกใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสกับรถยนต์สปอร์ตที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ผสานระหว่างนวัตกรรมและตำนานกว่า 75 ปี ของรถกรันทูริสโมจากอิตาลี ที่ตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง ฟอร์มูล่า อี มาเซราติกรันทูริสโม ถือเป็นจุดรวมของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของมาเซราติ” ปิยะเทพกล่าว
สำหรับการเปิดตัวรถยนต์มาเซราติกรันทูริสโม จากค่ายตรีศูลในครั้งนี้ มี 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ โมเดนา (Modena) ความแรง 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท และ โทรเฟโอ (Trofeo) ที่อัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้า (HP) แรงบิด 650 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท
ส่วน กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ 402 แรงม้า (HP) จำนวน 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) วางเป็นรูปตัว “T” เพื่อให้ได้อารมณ์ในการขับขี่ พร้อมเสียงสังเคราะห์แบบรถสปอร์ต ผสานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ความจุ 92.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เทคโนโลยีของรถแข่งฟอร์มูลา อี (Formula E) 761 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท
ภายในห้องโดยสารของมาเซราติ กรันทูริสโม ติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA) อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์ นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Dijital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) และมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า เกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab ผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System
สำหรับรถยนต์สปอร์ต มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร มีระยะทางวิ่งกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งด้วยโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีความพร้อม เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมเซราติเลือกเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย เป็นประเทศที่สองในเอเชีย รองจากสิงคโปร์
ตลาดรถหรู 2,000 คันฟื้นตัว
ปิยะเทพ กล่าวว่า ตลาดรถหรูในประเทศไทยมียอดจำหน่ายประมาณ 2,000 คันต่อปี ปีนี้คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว โดยมาเซราติคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 70 - 80 คัน โดยจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีสัดส่วน 20 - 30% จากตลาดรวม โดยมาเซราติ รถยนต์หรูภายใต้กลุ่มสเตลแลนทิส ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากประเทศอิตาลี ยังมีแบรนด์อื่นๆ เข่น อัลฟ่า โรมิโอ, เฟียต และเปอร์โยต์ มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้พลังงานสะอาดคาดว่าจะมีสัดส่วนจากตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 40 - 50% ในประเทศไทย
สำหรับรถยนต์รุ่นกรันทูริสโม มาเซราติ ประเทศไทย ได้โควตานำเข้ามาจำหน่ายประมาณ 12 คัน ซึ่งขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้ว ซึ่งผู้บริโภคจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อยากทดลองใช้รถพลังงานไฟฟ้า กับกลุ่มดั้งเดิม ซึ่งเป็นฐานลูกค้า ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อสะสม จะให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์และเสียงที่สะท้อนถึงความเป็นรถสปอร์ตหรูเป็นหลัก
“ตลาดรถหรูไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อ แต่ช่วงที่ผ่านมา ตลาดได้รับผลกระทบจากการชะลอการเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และการส่งมอบที่ล่าช้า อย่างแบรนด์มาเซราติ ค่ายตรีศูล เน้นการผลิตรถยนต์จำนวนไม่มากในแต่ละปี โดยวางโพสิชั่นเหมือนสินค้าแบรนด์เนมที่มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะซื้อเพื่อสะสม และให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์เป็นหลัก” ปิยะเทพกล่าว
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เศรษฐกิจชะลอไม่กระทบคนรวย! Lamborghini อวดยอดซูเปอร์คาร์ ขายหมดถึงปี 2026 แล้ว
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine