ตลาด EV เดือดสะเทือน Tesla ยอดขายตกครั้งแรกในรอบ 12 ปี - Forbes Thailand

ตลาด EV เดือดสะเทือน Tesla ยอดขายตกครั้งแรกในรอบ 12 ปี

Tesla เผยยอดขายรวมทั่วโลกประจำปี 2024 (Global Annual Sales) อยู่ที่ 1.79 ล้านคันตกลง 1.1% เทียบกับปี 2023 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ท่ามกลางตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ยิ่งทวีความดุเดือดในการแข่งขันขึ้นเรื่อยๆ


    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกรายงานว่าบริษัทฯ มีการจัดส่งรถยนต์ให้ลูกค้ารวม 1.79 ล้านคัน ตลอดปี 2024 ตกลงจาก 1.81 ล้านคัน ในปี 2023 แม้ยอดขายช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2024 จะจะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน 2.3% ที่จำนวน 495,570 คันก็ตาม

    นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ Tesla มียอดขายประจำปีลดลง โดยข้อมูลจาก Global Data พบว่าในปี 2010 Tesla ขายรถยนต์ได้ทั้งหมด 1,306 คัน ส่วนปี 2011 ขายได้ 1,129 คัน แต่หลังจากนั้นยอดขายของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง

    Tesla เคยคาดการณ์ไว้ในปี 2022 ว่ายอดขายของบริษัทฯ จะเติบโตขึ้น 50% ทุกปี อย่างไรก็ตาม ยอดขายหลักในปี 2024 ของ Tesla มาจากรถยนต์ไฟฟ้าโมเดล 3 และโมเดล Y ซึ่งเป็นรุ่นที่มีขนาดเล็ก ราคาไม่สูงมาก ในขณะที่โมเดล X และ S รวมถึง Cybertruck ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ซึ่งต่างเป็นรุ่นที่มีราคาแพงขายได้เพียง 23,640 คันเท่านั้น

    นอกจากนี้ Tesla ยังต้องเผชิญการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดจีน ยุโรป และในสหรัฐฯ โดยเฉพาะคู่แข่งจากจีนที่มีรถยนต์รุ่นใหม่กว่าออกมาอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาโมเดลรถยนต์ 4 รุ่นหลักของ Tesla (ไม่รวม Cybertruck) รุ่นล่าสุดคือโมเดล Y ซึ่งเปิดขายครั้งแรกในปี 2020 หรือก็คือ 4 ปีมาแล้ว

    รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนยังมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า ซึ่ง Tesla ก็ได้ใช้กลยุทธ์การลดราคาเข้าสู้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า แม้ยอดขายของ Tesla จะยังสูง แต่ผลประกอบการประจำปี 2024 ที่จะเปิดเผยในวันที่ 29 มกราคม 2025 นี้ อาจมีอัตรากำไรน้อยลง

    ไม่เพียงรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนเท่านั้น ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ รายอื่นต่างก็หันมาประกาศเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดด้วยเช่นกัน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยานยนต์มองว่า Tesla เคยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือเพียงรายเดียว แต่ยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์นั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว กลายเป็นยุคแห่งการแข่งขันอันร้อนแรง

    ปัจจัยด้านการเมืองดูจะไม่ได้ส่งผลเชิงบวกแก่ Tesla มากนัก ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน 2024 หลัง Donald Trump ประกาศชัยชนะและขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 พาให้บริษัทต่างๆ ของ Elon Musk ที่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของ Trump มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตาม รวมไปถึง Tesla ทว่าล่าสุด เมื่อรายงานเผยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าตกลง ก็ได้ฉุดราคาหุ้นของ Tesla ลงตามไปด้วย

    Jeff Schuter รองประธานฝ่ายวิจัยยานยนต์จาก Global Data ยังมองว่า การก้าวเข้าร่วมเกมการเมืองของ Musk อาจไม่ส่งผลดีต่อ Tesla ในระยะยาว เพราะอาจทำให้ต้องสูญเสียผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนพรรคคู่แข่ง

    ฝั่ง Daniel Ives นักวิเคราะห์ด้านการเงินจาก Wedbush แสดงความคิดเห็นว่า ควรให้คุณค่าหุ้น Tesla กับความพยามยามทุ่มเทพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าระบบขับขี่อัตโนมัติอันล้ำสมัยที่บริษัทฯ เคยประกาศไว้ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เสียมากกว่า และแสดงความคิดเห็นว่าหุ้น Tesla ยังน่าซื้อแม้ยอดขายประจำปีจะตกลงก็ตาม

    “เราไม่เคยมอง Tesla เป็นบริษัทรถยนต์ทั่วไป…กลับกัน เรามอง Musk และ Tesla ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีที่จะมาพลิกโฉมโลกอนาคต และส่วนแรกของมุมมองกลยุทธ์อันยิ่งใหญ่นี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว” Ives กล่าว และชี้ว่าหุ้น Tesla ยังน่าซื้อเก็บไว้ แม้ยอดขายประจำปี 2024 จะตกลงก็ตาม


แหล่งที่มา:

Tesla Saw Its First Annual Sales Decline in a Dozen Years

Tesla sales dropped 1.1% in 2024, its first annual decline in a dozen years

Tesla posts its first-ever annual sales drop

ภาพ: AFP


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Elon Musk มหาเศรษฐีคนแรกทะลุ 4 แสนล้านเหรียญ อานิสงส์หุ้น SpaceX, Tesla และ xAI โตแรง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine