โลตัส คาร์ รุกตลาดพรีเมียมสปอร์ตคาร์ชูกลยุทธ์ Driver to Driver - Forbes Thailand

โลตัส คาร์ รุกตลาดพรีเมียมสปอร์ตคาร์ชูกลยุทธ์ Driver to Driver

การกลับมาของ โลตัส คาร์ ไทยแลนด์ ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายพรีเมียมสปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษเดินหน้ากลยุทธ์ Driver to Driver ผ่านนวัตกรรมสปอร์ตหรูที่การันตีด้วย Racing Heritage เจ้าของแชมป์ F1 ถึง 7 สมัย พร้อมรุกสู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบใน 5 ปีข้างหน้า

ธีรพงศ์ รอดลอย ผู้จัดการส่วนภูมิภาค บริษัท เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เปิดเผยในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 Motor Expo 2021 ว่า ในฐานะตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์โลตัสอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแผนการตลาดและการบริการหลังการขายแบบครบวงจร ด้วยมาตรฐานของแบรนด์รถสปอร์ตหรู รวมทั้งการชูกลยุทธ์ Driver to Driver รุกตลาดรถสปอร์ตผ่านการนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมรถสปอร์ตหรูสมรรถนะเยี่ยมและน้ำหนักเบา ซึ่งการันตีได้จากการเป็น Racing Heritage เจ้าของแชมป์ F1 ถึง 7 สมัยที่ครองใจแฟนคลับทั่วโลกมายาวนานกว่า 73 ปี “การกลับมาเปิดตัวแบรนด์ในงาน Motor Expo ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ที่โลตัส คาร์ ไทยแลนด์ ได้นำรถยนต์มาจัดแสดงสู่คนรักรถสปอร์ตชาวไทย ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้พบกับอัครยนตรกรรม Lotus Exige Sport 350 และ Lotus Elise Sport 220 ที่สุดแห่งยนตรกรรมพรีเมียมสปอร์ตระดับตำนาน ซึ่งเป็น 6 คันสุดท้าย ที่จะเผยให้ได้ยลโฉมและทำตลาดเป็นล็อตสุดท้าย และพิเศษสุดกับการเปิดจอง The New Lotus Emira V6 First Edition แบบ Full Option รถสปอร์ตพรีเมียมสายพันธุ์ใหม่ที่มียอดจองถล่มทลายจากทั่วโลก เปิดจองแบบเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 6 คันเท่านั้น ด้วยราคาเริ่มต้น 11.9 ล้านบาท” สำหรับ The New Lotus Emira V6 First Edition เป็นรถเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้ายที่โลตัสประกาศผลิตจากโรงงาน Hethel ในสหราชอาณาจักร ก่อนที่แบรนด์จะเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ในอนาคตด้วย Design Language และการออกแบบใหม่ที่มีหน้าตาสวยสะดุดตาเหมือนรถ Supercar ขนาดเล็ก โดยยังคงรักษาดีเอ็นเอในแบบฉบับโลตัสที่เน้นสัมผัสในการขับขี่ตามสโลแกน “For The Drivers” ส่วนซีรี่ส์ Elise และ Exige ถือเป็น Bread & Butter ของแบรนด์โลตัสที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยการออกแบบและสมรรถนะการขับขี่ที่เหมือนกับรถแข่ง อย่างไรก็ตาม โลตัสได้ประกาศกำหนดเลิกการผลิตรถ 2 รุ่นนี้ในปี 2021 ทำให้ซีรี่ส์ Elise และ Exige จะกลายเป็น “THE LAST OF ITS KIND” และทำให้รถยนต์ 2 รุ่นนี้เป็นรถสะสมในกลุ่มคนเล่นรถ Future Collectibles ในอีกไม่ช้า นอกจากนั้น โลตัสยังเร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ในการผลิตไลฟ์สไตล์โมเดลอย่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่ 4 รุ่นในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อรุกตลาดรถยนต์เกรดพรีเมียมเต็มตัว ได้แก่ Type 132 รถ E-Segment SUV, Type 133 รถ E-Segment 4-door Coupe, Type 134 รถ D-Segment SUV และ Type 135 รถ Sport Coupe “โลตัสกำลังลงทุนเปิด LOTUS TECHNOLOGY HQ แห่งใหม่ในประเทศจีน รวมถึงโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในจีนเพื่อส่งจำหน่ายไปทั่วโลก สำหรับรถยนต์โลตัสรุ่นต่อไปที่จะเปิดตัวในปี 2023 จะเป็นเอสยูวีรุ่นแรกของแบรนด์และเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้โค้ดเนม [Type132] โดยเอสยูวีรุ่นนี้มีเป้าหมายที่จะบุกตลาดรถพรีเมียม ด้วยข้อได้เปรียบด้านฐานภาษีรถไฟฟ้าที่น้อยกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าของโลตัสจะประกอบขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในจีน ทำให้ภาษีอากรขาเข้าเป็น 0% ส่งผลให้การตั้งราคาขายจะสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ได้อย่างแน่นอน” อ่านเพิ่มเติม: “แพคริม กรุ๊ป” จับมือ “Skooldio” เร่งทำ “Digital Transformation” องค์กรในไทย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine