เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ฉลองครบรอบ 20 ปี ดำเนินธุรกิจในไทย เผยผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง - Forbes Thailand

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ฉลองครบรอบ 20 ปี ดำเนินธุรกิจในไทย เผยผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2559 เติบโต 15% พร้อมประกาศลุยตลาดรถหรูต่อเนื่องครึ่งปีหลังด้วยกลยุทธ์การตลาดดิจิตัล นำเสนอการให้บริการการเงินแก่ลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ออนไลน์ ด้วยการเปิดตัว 3 ออนไลน์แพลทฟอร์มใหม่ เอาใจลูกค้าทั้งผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และลูกค้ารายย่อย

จากภาพรวมช่วงครึ่งปีแรกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มเมอร์เซเดส-เบนซ์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์และผลิตภัณฑ์อื่นของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อแตกต่างจากคู่แข่ง “ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มียอดสินเชื่อรถยนต์ภายใน 6 เดือนแรกโดยรวมอยู่ที่กว่า 30,200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นสถิติใหม่ทุกปี ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% ในขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก” ศุภวุฒิ จิรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ทั้งนี้หากจะวัดจากสัดส่วนการให้บริการด้านสินเชื่อหรือไฟแนนซ์สำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่ที่ 65-70% ของตลาดรถ โดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง มีสัดส่วนถือครองอยู่ 50% สัดส่วนที่สถาบันการเงินอื่นครองอยู่ไม่เกิน 20% และลูกค้าที่ชำระด้วยเงินสดอีก 20%  

mySTAR Special

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ออกโปรแกรมการตลาดมาโดยตลอดและสร้างยอดการเติบโตของสินเชื่อ โดยเฉพาะโปรแกรม mySTAR ที่เริ่มตั้งแต่ ปี2013 ที่ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตคิดเป็นสัดส่วน 25% ของสินเชื่อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะลูกค้าชำระค่างวดเพียง 1% ของราคารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เท่านั้นดึงให้ยอดสินเชื่อรถยนต์เติบโต รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัย MB Protection มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดถึง 70%  เติบโต 15% เทียบกับปีก่อนหน้า และปัจจุบันให้การคุ้มครองลูกค้ามากกว่า 18,000  ราย  

ทิศทางครึ่งปีหลัง

จิรพงษ์ มิเชล ปอนนาช กรรมการบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเสริมว่า “ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังคงใช้กลยุทธ์และแผนทางการตลาด ‘The Best’ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Best Products and Services นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายที่ดีที่สุดครอบคลุมสำหรับลูกค้าทุกประเภท Best Customer Experience นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาของสินเชื่อ” โดยไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ โปรแกรม “Best Communication Channel” ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง คือการมุ่งเน้นเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าทั้งผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และลูกค้ารายย่อย ด้วยการเพิ่มออนไลน์แพลทฟอร์ม 3 ช่องทาง เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งยังตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตัลของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ ได้อีกด้วย mySTAR Microsite เว็บไซต์เฉพาะที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มช่องทางให้กับลูกค้ารายย่อยที่เป็นลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่สนใจใช้บริการ mySTAR สามารถเข้าศึกษาและสืบค้นข้อมูลของ mySTAR ในแง่มุมต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง รวมถึงโปรแกรมคำนวณค่างวดพร้อมกับออกใบเสนอราคาได้ด้วยตัวเอง myBUSINESS Application เป็นแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ เท่านั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ดีลเลอร์สามารถทราบผลประกอบการของตัวเองได้ทุกวัน รวมไปถึงสถานะการขอสินเชื่อของลูกค้า นอกจากนี้ผู้จำหน่ายยังสามารถใช้ข้อมูลสถิติในการวิเคราะห์เชิงลึกได้ว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างไรด้วยโปรแกรม mySTAR ‘DEALER Touchpoint’ (DTP) บริการเสริมในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ระบบ นำเอากระบวนการ ณ จุดขายทั้งระบบเข้าสู่ดิจิตัลแพลทฟอร์ม โดยมีทั้งระบบจัดการออกใบเสนอราคาและการขอสินเชื่อระบบ DTP ทำให้การจัดการคอมมิชชั่นและเงินสนับสนุนกลายเป็นเรื่องง่าย และช่วยให้สามารถติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยฟังก์ชั่นแชท