Forbes Thailand เป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์พิเศษ ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดสำคัญ Customer Centric ที่มีส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้ปี 2560 เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) สร้างยอดจำหน่ายรถยนต์สูงถึง 14,484 คัน เพิ่มขึ้น 23 % จากปี 2559 และยังครองอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์หรูภายในประเทศไทย
“เมื่อตัดสินใจเข้าสู่กลยุทธ์การตลาด Customer Centric เต็มรูปแบบ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงต้องมีการขยายฐานการผลิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบในทุกเซกเมนท์” Frank Steinacher กล่าวพร้อมให้ข้อมูลถึงภาพรวมของรถยนต์ในกลุ่มต่างๆ ที่ครบครัน อย่างรถยนต์ในกลุ่มซีดาน เรามี C-Class E-Class และ S-Class ในกลุ่ม Compact Car ในใช้เจาะกลุ่มคนมิลเลนเนียล สำหรับรถยนต์กลุ่ม SUV เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหารถยนต์สำหรับครอบครัว ควบคู่กับการต่อยอดแบรนด์ไปสู่ Mercedes-AMG เพื่อเจาะกลุ่มคนที่ชื่นชอบความเร็วเป็นสายสปอร์ต และการเปิดตัว “EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” แบรนด์เทคโนโลยีภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหายนตรกรรมที่โดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
“การตลาดในยุคนี้ไม่ใช่แค่การทำแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จักเท่านั้น แต่ต้องทำให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์” Frank Steinacher กล่าวย้ำชัดถึงหลักการตลาดของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเราพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ ให้มาทดลองเดินทางด้วยกัน เพื่อให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ไม่ใช่แค่ผู้ใช้งาน
สร้างจุดร่วม
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เองได้ปรับตัวออกออกจากกรอบเดิมๆ ที่เคยใช้แบนเนอร์หรือเน้นหนักโฆษณาทางโทรทัศน์ และส่วนใหญ่จะมีแต่เรื่องราวของผิวๆ กับความสวยงามของรถยนต์เป็นหลัก และขาดการสื่อสารข้อมูลที่ผู้ใช้รถยนต์จริงๆ ต้องรู้ จึงมีการปรับเปลี่ยนการสื่อสารครั้งใหญ่โดยหันมาโฟกัสมีเดียออนไลน์มากขึ้น พร้อมกับให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับการสื่อสาร
"หากเปรียบให้เห็นภาพง่ายขึ้น จากที่เมื่อก่อนคุณเคยเป็นเพียงแค่ผู้ชมในโรงภาพยนตร์ แต่การตลาดของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอนนี้จะทำให้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนั้นเพื่อจะได้เข้าใจและอินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ” Frank กล่าวและเสริมว่า
หนึ่งในแคมเปญที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คิดและสร้างสรรค์ขึ้นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับได้รับการกล่าวถึงในทางบวกอย่างมากก็คือ
Define Tomorrow กับการใช้หนังสั้นเพื่อสื่อสารถึงเทคโนโลยี EQ ให้ผู้ขับขี่เข้าใจได้อย่างชัดเจนมากขึ้น “เรียกว่าดูปุ๊ป เข้าใจได้ทันที ไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือที่ซับซ้อนหรือใช้เวลาในการศึกษาที่วุ่นวาย”
ปรับตัวให้ใกล้ชิด
เมื่อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งเป้าด้วยโจทย์สำคัญคือการขยายฐานลูกค้าทั้งยังต้องเป็นส่วนหนึ่งในความคิดและการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าการเลือกสื่อดิจิตัลออนไลน์จึงเป็นกลไกสำคัญในการกระจายเนื้อหา เมื่อก่อนคนอาจมองว่ารถยุโรปคือเรื่องไกลตัว เราจึงคิดค้นกลยุทธ์
Best Customer Experience เพื่อขยับเข้าไปให้ใกล้กับผู้บริโภคมากขึ้น อาทิแคมเปม
“Mercedes me Bar” เราก็ได้พบกับความสำเร็จในอีกด้าน เราได้เจอกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ และคนทั่วไปเข้าใจไลฟ์สไตล์ของ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ มากขึ้น
ปัจจบุันการสื่อสารผ่านกลุ่มสื่อดิจิทัลออนไลน์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ได้โพสต์เฉพาะเรื่องรถ แต่เน้นหนักที่เรื่องไลฟ์สไตล์เป็นหลัก อาทิ การทำ
Mercedes me Bar ที่นำเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารภายในโชว์รูมที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายทว่าดูมีคาแรกเตอร์กลางลานสยามดิสคัฟเวอร์รี่ จากการทำแคมเปญนี้ทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคออนไลน์ได้มากกว่า 3 ล้านคน ผ่านการบอกต่อกัน และทำให้คนทั่วไปสัมผัสกับคำว่า
เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ เองยังปรับเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น มี Interactive ที่ทำให้ไม่น่าเบื่อ และยังสามารถค้นหาเรื่องที่ต้องการได้แบบทันใจ
เช่นเดียวกับแคมเปม
“She’s Mercedes” เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ แฟรงค์ เชื่อว่าผู้หญิงเป็นกลุ่มที่มีความสามารถ มีศักยภาพ และคืออีกหนึ่งกลุ่มใหญ่ที่เป็นลูกค้าเรา มีการจัดเสวนา Sharing Attitude เพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากผู้หญิงต้นแบบ โดย “She’s Mercedes” ถือเป็น Global Campaign ที่เรานำมาต่อยอด และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
และล่าสุดดึง Alex Face ศิลปินกราฟิตี้ชื่อดังของเมืองไทยสร้างสรรค์ผลงานลงบน Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic เพื่อเปิดมุมมองที่แตกต่าง พร้อมกับชักชวนช่างภาพระดับแนวหน้าของเมืองไทยมาถ่ายภาพรถในมุมมองของตัวเองโดยไม่มีกรอบใดๆ มาจำกัดเพื่อให้เห็นว่าชีวิตมีได้หลายมุมเพียงแค่เปลี่ยนทิศทางในการมอง