Merz Aesthetics ครบรอบ 7 ปี พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนความมั่นใจ - Forbes Thailand

Merz Aesthetics ครบรอบ 7 ปี พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนความมั่นใจ

เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย (Merz Aesthetics Thailand) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องอัลเทอร่า และเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในคลินิกเสริมความงาม เพื่อทุกความมั่นใจของคนไทย ฉลองครบรอบ 7 ปี มั่นใจคว้าเป้าพันล้านก่อนสิ้นปี 2565

แม้เผชิญวิกฤตการณ์โรคระบาดมาเป็นเวลา 2 ปีกว่า แต่ Merz Aesthetics ยังคงรักษาการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ด้วยยอดการเติบโตแบบ double digit ถึงร้อยละ 20 และการเพิ่มจำนวนคู่ค้ามากกว่า 750 คลินิกทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตปลายปี 2565 ที่พันล้านบาท โดย กิตติวรรณ รัตนจันทร์ เภสัชกรหญิงผู้นั่งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทยมั่นใจว่าสามารถแตะเป้าดังกล่าวได้ก่อนสิ้นปี

ข้อมูลจาก marketresearch.com เผยว่าตลาดหัตถการความงามไทยที่โตอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ได้เผยว่าอัตราการเติบโตของตลาดระดับโลกเฉลี่ยร้อยละ 13.6 ต่อปี ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มโบทูลินั่ม ท็อกซิน ฟิลเลอร์ และการยกกระชับหน้าเติบโตรุดหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้อาจจะมาจากกระแสการดูแลตัวเองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นได้

นอกจากนี้ทาง Merz Aesthetics ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวคิดแบบ ESG ซึ่งเป็นแนวคิดที่เป็นสากลของ Merz ทั่วโลกอีกด้วย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางบริษัทเองก็ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมโดยมีการรับคืนสินค้าจากคู่ค้าต่างๆ เพื่อมาทำลายให้ถูกต้อง ส่วนทางด้านสังคมนั้น ทางบริษัทได้เดินหน้าทำการบริจาคมาอย่างต่อเนื่อง และในด้านธรรมาภิบาลนั้น Merz Aesthetics ยังถือเป็นบริษัทด้านความงามเพียงแห่งเดียวที่ได้รับใบรับรอง ​Good Governance จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอีกด้วย ​
แคมเปญ This is Me
ด้านพันธกิจองค์กรนั้น กิตติวรรณ รัตนจันทร์ กล่าวว่า “พันธกิจของเราคือ ‘Confidence to Be…’ เราต้องการเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ขับเคลื่อนความมั่นใจให้กับทุกๆ คน และกล่าวต่อว่า “ความมั่นใจมีหลายแบบ หลายมุมมอง แต่มุมมองของธุรกิจความงาม เราต้องการสื่อความมั่นใจในเรื่องของ Beauty Standards เพราะฉะนั้นแคมเปญต่างๆ ที่ออกมาในตลาด ณ ตอนนี้ เราต้องการจะเน้นย้ำว่าทุกคนสามารถมั่นใจในตัวเองได้ด้วยความสวยในแบบที่คุณต้องการ ในแบบของคุณเอง เพราะเราเชื่อว่าความมั่นใจจะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้” โดยพันธกิจดังกล่าวก็เห็นได้ชัดเจนในแคมเปญที่ทางบริษัทได้เปิดตัวเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอย่างแคมเปญ ‘This is Me’ ที่มีอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายบรรทัดฐานความสวยมาแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่ เดินหน้าส่งเสริมความมั่นใจให้กับทุกคน

สำหรับด้านกลยุทธ์ ทางบริษัทเองก็ได้ออกแบบกลยุทธ์เชิงรุก สร้างการตื่นตัวในตลาดนวัตกรรมความงามอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับความมั่นใจให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคแบบครบวงจร

ภญ. กิตติวรรณ รัตนจันทร์

ในแง่ของดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าแบบ 360 องศา ได้มีการจัดตั้ง Merz Academy เว็บไซต์ e-learning ในรูปแบบ on-demand เพื่อให้แพทย์ผู้ใช้สามารถเรียนออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา แบบ 24/7 อีกทั้งยังพัฒนาศักยภาพของพนักงานขายในคลินิก กับโปรแกรม Merz Commercial Training และได้จัดทำ Merz Cloud Library เว็บไซต์รวมสื่อการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดของคลินิกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมียอดดาวน์โหลดกว่า 2,000 ครั้งในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว

สำหรับการยกระดับความมั่นใจให้กับผู้บริโภคนั้น ได้นำเสนอเครื่องมือ ‘Merz Check’ ตัวช่วยในการเช็คผลิตภัณฑ์จาก Merz ว่าแท้หรือไม่ง่ายๆ ผ่านการสแกน QR Code ที่กล่องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์สวิส หรือที่เครื่องอัลเทอร่า และได้เตรียมจัดตั้ง ศูนย์ดื้อโบ ร่วมกับ ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เพื่อสร้างความรู้เท่าทัน ภาวะดื้อโบ ซึ่งนับเป็นการให้ความรู้กับประชาชนในวงกว้างในเร็วๆ นี้

พญ. พิมพิดา วรัญญูรัตนะ

ในการแถลงข่าวครบรอบ 7 ปี ทางบริษัทยังได้เชิญแพทย์หญิง พิมพิดา วรัญญูรัตนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามเลเซอร์ คลินิก (SLC Siam Laser Clinic) คู่ค้าคนสำคัญของเมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย กล่าวเสริมถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามว่า “ความสวยเป็นการสร้างความมั่นใจของคน” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการของตลาดยังคงมีอยู่เท่าเดิมแม้จะมีสถานการณ์โรคระบาดอยู่ก็ตาม เนื่องจากความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ

นอกจากนี้ พิมพิดา วรัญญูรัตนะ ยังได้กล่าวถึงพฤติกรรมและกลุ่มผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอีกด้วย โดยเผยว่ากลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันมีอายุน้อยลง เนื่องจากมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การทำหัตถการด้านความงานตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น ถือว่าเป็นการป้องกันริ้วร้อยได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ข้อมูลต่างๆ บนโลกออนไลน์ก็มีเยอะขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีความกล้าที่จะเดินเข้าคลินิกมากกว่าเคย

ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความพร้อมที่จะทำหัตถการด้านความงามที่เห็นผลแบบชัดเจนมากกว่าเดิม โดยไม่ได้ห่วงหรือคำนึงถึงเรื่องความเป็นธรรมชาติเป็นหลักมากเท่ากับหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งคนไทยก็เริ่มยอมรับหัตถการด้านความงามมากขึ้นอีกด้วย

ในฐานะผู้ทำธุรกิจที่มีประสบการณ์ในวงการเสริมความงามมายาวนาน เรามีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจการแพทย์และความงามยังคงเติบโตต่ออย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการตอบรับที่ดีจากลูกค้าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงปัจจัยจากความก้าวหน้าของนวัตกรรมความงามที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคในทุกๆ กลุ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยจากโควิด-19 ที่ส่งผลให้ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านความงาม เพื่อเรียกคืนความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตอีกครั้ง พิมพิดา วรัญญูรัตนะ กล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม: ไขความลับความสำเร็จของ Summer Fridays


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine