Pandora เดินหน้าฐานผลิตแห่งใหม่ใน “ลำพูน” - Forbes Thailand

Pandora เดินหน้าฐานผลิตแห่งใหม่ใน “ลำพูน”

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี 2525 ที่กรุง Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก วันนี้ Pandora เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศ มีรายได้รวมปี 2558-2559 ที่ราว 1.67 หมื่นล้านโครนเดนมาร์ก (8.94 หมื่นล้านบาท) และ 2.03 หมื่นล้านโครน (1.04 แสนล้านบาท) มีพนักงานทั่วโลกกว่า 21,500 คน จำนวนนี้ 12,400 คน คือช่างฝีมือคนไทยที่ทำงานในฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวของ Pandora ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพมหานคร เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2532 ภายใต้ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ซึ่งปีที่แล้วสามารถผลิตเครื่องประดับอัญมณีได้ราว 122 ล้านชิ้น ล่าสุด Pandora ทุ่มงบ 1.8 พันล้านโครน (ราว 9 พันล้านบาท) สร้างและปรับปรุงฐานการผลิตต่างๆ ตามแผนงานปี 2558-2562 หนึ่งในนั้นคือการสร้างฐานผลิตแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 45 ไร่ ในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อ. เมืองลำพูน จ. ลำพูน เริ่มก่อสร้างเดือนสิงหาคม ปี 2558 แล้วเสร็จเดือนตุลาคม ปี 2559 และอวดโฉมอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยมี Per Enevoldsen ผู้ก่อตั้งแบรนด์และผู้บริหารระดับสูงของ Pandora บินตรงจากเดนมาร์กมาร่วมงาน Peder Tuborgh ผู้เป็น Chairman และ Board of Directors ของ Pandora กล่าวว่าเนื่องจากเครื่องประดับแต่ละชิ้นต้องผ่านการสร้างสรรค์ด้วยมือ ดังนั้นจึงเหมาะกับช่างชาวไทยที่มีความละเอียดและมีทักษะงานฝีมือเป็นที่เชื่อมั่นมาตลอด บวกกับลำพูนมีความเหมาะสมด้านการขนส่งเพราะอยู่ไม่ไกลจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่และยังเดินทางไปพื้นที่อื่นได้ง่าย ทำให้ Pandora ยังคงเลือกเมืองไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งโครงการนี้ได้ Lars R. Nielsen ดำรงตำแหน่ง Vice President และ General Manager โรงงานลำพูน เป็นผู้รับผิดชอบ ด้าน Nils Helander ซึ่งเป็น Senior Vice President ในส่วน Manufacturing และ Managing Director ของแพนดอร่าโพรดักชั่น ให้รายละเอียดโรงงานแห่งใหม่ว่า มีรูปทรงคล้ายสร้อยข้อมือและชาร์ม(จี้ประดับ) ซึ่งเป็นเครื่องประดับขึ้นชื่อของแบรนด์ อาคารโรงงานมีพื้นที่กว่า 21,500 ตารางเมตร และอาคารหน่วยงานต่างๆ มีพื้นที่ราว 8,300 ตารางเมตร สร้างด้วยแนวคิดโรงงานสีเขียวตามมาตรฐาน LEED ขณะนี้มีพนักงานที่ส่วนใหญ่มีพื้นเพในภาคเหนือย้ายจากกรุงเทพฯ มาราว 1,500 คนและรับเพิ่มอีก 200 คน ตั้งเป้าให้มี 5,000 คน ในปลายปี 2561 ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นและผลิตเครื่องประดับได้มากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปีภายในสิ้นปี 2563 บริษัทยังสร้างอาคารฝ่ายผลิตใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า และปรับปรุงอาคารฝ่ายผลิตเดิมให้ดีขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 รายงานประจำปี 2559 ของ Pandora ระบุว่า ชาร์มสร้างรายได้ให้ 59% สร้อยข้อมือ 18% แหวน 13% และอื่นๆ 10% ส่วนทวีป/ภูมิภาคนั้น EMEA (ยุโรป ตะวันออก-กลาง และแอฟริกา) สร้างรายได้ที่ 47% ทวีปอเมริกา 34% และเอเชียแปซิฟิก 19% Helander กล่าวว่า Pandora จะมุ่งผลิตแหวน ต่างหู และสร้อยคอมากขึ้น แต่จะยังเน้นผลิตชาร์มและสร้อยข้อมือด้วยเช่นเดิมรวมทั้งมุ่งเพิ่มสัดส่วนเอเชียแปซิฟิกให้เป็น 30% ใน 2-3 ปีข้างหน้า มีแรงหนุนจากตลาดจีนที่เติบโตรวดเร็ว และแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวในหลายประเทศ แต่ก็ไม่กระทบ Pandora เพราะเป็นแบรนด์เครื่องประดับคุณภาพสูงในราคาเข้าถึงได้ และคาดการณ์รายได้ปีนี้ว่าจะเติบโตมากกว่า 10% “เราเชื่อมั่นในฝีมือช่างชาวไทยที่จะช่วยสร้าง Pandora ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้” Helander กล่าวอย่างมั่นใจ
คลิกอ่าน บทความทางด้านธุรกิจและการลงทุน ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine