บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปฟื้นรอบ 3 ปี อานิสงส์ชิมช้อปใช้ "ไวไว" เร่งขยายตลาด - Forbes Thailand

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปฟื้นรอบ 3 ปี อานิสงส์ชิมช้อปใช้ "ไวไว" เร่งขยายตลาด

ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท ปีนี้ขยายตัวได้ 5% เป็นการกลับมาฟื้นตัวในรอบ 3 ปี จากมาตรการชิม ช้อป ใช้ของภาครัฐ ขณะที่กลุ่มบะหมี่พรีเมียมโตแรง "ไวไว" เร่งขยายตลาดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค

ยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไวไว กล่าวว่า ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีนี้จะกลับมาขยายตัวได้ถึง 5% จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดโดยรวมไม่เติบโต

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีนี้มาจากมาตรการชิม ช้อป ใช้ของภาครัฐ ทำให้เกิดการซื้อสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากขึ้นในช่องทางร้านค้าทั่วไป และอีกปัจจัยมาจากการขยายตัวของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบพรีเมียมที่มีราคามากกว่า 6 บาทขึ้นไป ซึ่งเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคที่นิยมรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนำเข้าจากเกาหลีที่ได้รับอิทธิพลจากการรีวิวผ่านโซเชียลมีเดีย

“ในอดีตตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอาจจะเป็นดัชนีสะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทย ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากขึ้น แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยเกิดจากกระแสความนิยมที่ได้รับอิทธิพลจากการรีวิวผ่านโชเชียลมีเดีย ทำให้ตลาดพรีเมียมมีการเติบโตสูง และเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ ถือเป็นการทำลายกำแพงด้านราคาของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ผู้บริโภคก็สามารถซื้อสินค้าในราคามากกว่า 6 บาทได้” ยศสรัลกล่าว

สำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียมมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มทั่วไป หากไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการชิม ช้อป ใช้ ในปีนี้ยอดขายโดยรวมไม่ขยายตัวและมีแนวโน้มลดลง ซึ่งผู้ประกอบการในธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ได้หันมาขยายธุรกิจในกลุ่มพรีเมียมเป็นหลัก

จากการขยายตัวของตลาดบะหมี่ฯ แบบพรีเมียม เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ไวไวรุกขยายตลาดบะหมี่ฯ แบบพรีเมียมในรูปแบบชาม (Bowl) เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

ยศสรัลกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ไวไวว่า บริษัทได้ให้ความสนใจในการรุกขยายตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบพรีเมียมในรูปแบบชาม (Bowl) เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยนำรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยม ทั้งรสชาติไวไวปรุงสำเร็จ, ไวไวรสต้มยำน้ำพริกเผา, ไวไวต้มยำ (สูตรดั้งเดิม) และไวไวหอยลายผัดฉ่า ชนิดแห้ง วางจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store), ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี พร้อมวางแผนเพิ่มรสชาติใหม่ 2-3 รสชาติ และวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมแบบซองออกสู่ตลาดในปี 2563

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มาม่า ของบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ครองส่วนแบ่งตลาด 50% ตามด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ไวไว ประกอบด้วยแบรนด์ไวไว ควิก และซือดะ มีสัดส่วน 23-24% และแบรนด์ยำยำ 21-22% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่น โดยยอดขายของแบรนด์ต่างๆ ในกลุ่มไวไว แบ่งเป็น ไวไว 50% ควิก 25% เส้นหมี่ขาว 15% ซือดะ 10% ที่เหลือเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องปรุงรส

  อ่านเพิ่มเติม