‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ ปรับโฟกัสการบริการให้ชัดยิ่งขึ้น - Forbes Thailand

‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ ปรับโฟกัสการบริการให้ชัดยิ่งขึ้น

PR / PR NEWS
15 May 2020 | 05:00 PM
READ 810

‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ เผยไตรมาส 1/2563 กำไรสุทธิ 118 ล้านบาท โควิด-19 ทำให้เกิด New Normal ดันยอดขายออนไลน์โต 150% เตรียมจ่ายจ่ายปันผล 0.46 บาทต่อหุ้น

บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยอัตรากำไรขึ้นต้นดีขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของสินค้า (Product Mix) ผู้บริโภคเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าหมวดหมวดโต๊ะเก้าอี้สำนักงาน และหมวดของใช้ของตกแต่งบ้าน มีส่วนทำให้ขายออนไลน์ไตรมาสแรกเติบโต 150% “บริษัทฯ ได้ขยายความร่วมมือกับ Market Place เช่น Lazada, Shopee, และ JD Central รวมถึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมส่งสินค้าฟรีทั่วประเทศ” กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ อินเด็กซ์ฯ หรือ ILM แห่งธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผย ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2,211 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปิดสาขาส่วนใหญ่ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ตามคำสั่งของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดต่างๆ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 45.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 43.8% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของสินค้า (Product Mix) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในเครื่องจักรที่ยังไม่เริ่มใช้อีกประมาณ 70 ล้านบาท สำหรับทิศทางไตรมาส 2/2563 หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น กฤษชนก  คาดว่าจะสามารถทยอยเปิดสาขาต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มุ่งเน้นการเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ๆ (Product Range) สำหรับช่องทางออนไลน์ รวมถึงงานโปรเจ็คที่อยู่อาศัยยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เร่งดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อส่งมอบโครงการให้ลูกค้าได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ อินเด็กซ์ฯ หรือ ILM
“บริษัทฯ มีแผนปรับปรุงสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่ขายสินค้าผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น ทดแทนการขยายสาขาที่จะชะลอออกไปก่อนในปีนี้ โดยการปรับปรุงสาขาใช้กระแสเงินสดจำนวนไม่มากแต่จะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างคุ้มค่า” ภาพรวมของบริษัทฯ ในปีนี้ ยังคงมีแผนขยายสาขาแฟรนไชส์ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปีนี้ อาทิ เวียดนาม และเมียนมาร์ เป็นต้น และนำมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับทั้งลูกค้าและพนักงาน ด้วยการนำ 30 มาตรการ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า กับ 6 หัวข้อหลัก อาทิ การทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกคืนหลังปิดให้บริการ รวมถึงการจัดให้มีระบบหมุนเวียนอากาศตามมาตรฐาน “เราเป็นร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 3,000-12,000 ตารางเมตร ด้วยรูปแบบสแตนอโลน ซึ่งส่วนใหญ่จะแยกออกจากศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ และโดยปกติลูกค้าจะเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าจริงด้านใน เราจึงมีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 10 คนต่อชั่วโมง คิดเป็นระยะห่างเฉลี่ย 1 คนต่อ 94 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 จะสามารถให้บริการได้ตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด” กฤษชนก กล่าว

คลิกอ่าน: 3 ยักษ์ใหญ่ ห้างฯ ไทย ชูแผน New Normal พร้อมรับมาตรการจากรัฐ