บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น Whoscall จับมือ VML Thailand ทำ Data Visualization รวบรวมเบอร์มิจฉาชีพในไทยกว่า 1.5 ล้านเบอร์ในรูปแบบของสมุดหน้าเหลือง สร้างความตระหนักรู้ว่ามีมิจฉาชีพมากมายที่อาจจะจะโทร.หาทุกคน ผ่านแคมเปญ ‘สมุดหน้าโจร (Scammer Pages) #ถ้าจำไม่หมดต้องกดโหลดWhoscall’
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์รับสายมิจฉาชีพหรือไม่ก็พบเจอการหลอกลวงจากช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญ แต่ยังสร้างความเสียหายมหาศาลทั้งต่อทรัพย์สินและจิตใจของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ถึงกรกฎาคม 2567 พบคดีอาชญากรรมออนไลน์ 612,603 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 69,186 ล้านบาท โดยประเภทคดีที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 296,042 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 4,311,005,056 ล้านบาท
2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 82,162 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 10,177,308,336 ล้านบาท
3. หลอกให้กู้เงิน 63,878 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 3,102,057,626 ล้านบาท
4. หลอกให้ลงทุนออนไลน์ 45,787 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 25,315,469,500 ล้านบาท
5. แก๊ง call center 42,404 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 9,391,570,191 ล้านบาท
ผู้เสียหายส่วนใหญ่หรือ 64% เป็นเพศหญิง โดยเมื่อแบ่งตามช่วงอายุพบว่ากลุ่มอายุ 33 - 44 ปีได้รับความเสียหายสูงสุดคิดเป็น 41.45% รองลงมาคือกลุ่มอายุ 22 - 29 ปีที่ 25.27% นอกจากนี้ผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บจำนวนมากก็มักตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ เพราะไม่ชำนาญการใช้เทคโนโลยี อย่างไรก็ตามวัยรุ่นและนักศึกษาก็มักโดนมิจฉาชีพหลอกลวงด้วยกลการใช้สิทธินักศึกษาในการผ่อนซื้อสินค้า หรือข่มขู่ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดต่างๆ ด้วยเช่นกัน
มนประภา รัตนกนกพร หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทได้ตระหนักถึงภัยที่เกิดขึ้นในสังคม จึงไม่หยุดยั้งในการนำเทคโนโลยี AI มาอัปเกรดแอปพลิเคชัน Whoscall ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมออกฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน ให้ทันต่อกลลวงมิจฉาชีพในทุกรูปแบบ ซึ่งถ้าหากปล่อยไปโดยไม่ทำอะไรเลย แน่นอนว่าจำนวนเหยื่อจะเพิ่มมากขึ้น คดีรูปแบบต่างๆ รวมทั้งยอดความเสียหายก็จะเพิ่มขึ้นตามมาทั้งในเชิงมูลค่าทรัพย์สินและสภาพจิตใจ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ”
ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ Whoscall และ VML Thailand ได้นำเสนอมุมมองใหม่เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังผู้บริโภคผ่านแคมเปญ สมุดหน้าโจร (Scammer Pages) #ถ้าจำไม่หมดต้องกดโหลดWhoscall เพื่อกระตุ้นให้สังคมเล็งเห็นถึงภัยอันตรายใกล้ตัวจากมิจฉาชีพที่แอบแฝงผ่านช่องทางดิจิทัล โทรศัพท์ และข้อความ SMS ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการทำ Data Visualization เบอร์มิจฉาชีพมากกว่า 1.5 ล้านเบอร์รวมไว้ในรูปแบบของสมุดหน้าเหลืองเล่มยักษ์
ภาคย์ วรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ VML Thailand กล่าวว่า “VML Thailand ได้ร่วมงานกับ Whoscall เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญครั้งนี้ ถือเป็นการจุดประกายประเด็นสำคัญของภัยอันตรายใกล้ตัวที่คนไทยหลายคนอาจมองข้ามไป โดยเราได้นำข้อเท็จจริงที่ว่า ‘คนไทยถูกมิจฉาชีพหลอกทางโทรศัพท์มากกว่า 19 ล้านครั้ง’ มาตั้งต้นเป็นโจทย์และแปลงข้อมูลเป็นงานสร้างสรรค์เพื่อให้คนไทยเข้าใจได้ง่ายขึ้น”
ภาคย์อธิบายกระบวนการออกแบบแคมเปญซึ่งเริ่มต้นจาก Insight ที่คนไทยส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า ‘เราสามารถรู้ทันและรับมือกับมิจฉาชีพได้’ โดยปัจจุบันมีคอนเทนต์มากมายในโลกโซเชียลมีเดีย ที่ออกมาแชร์วิธีรับมือกับแก๊งโจร และ Whoscall อาจยังไม่ได้เข้าไปมีบทบาทกับคนกลุ่มนี้
“เราจึงเสนอไอเดียที่อยาก Visualize ให้ทุกคนเห็นว่าทำไมคุณจำเป็นต้องโหลด Whoscall ติดตัวไว้ โดยความท้าทายที่สุด คือ การนำ Data ของ Whoscall มาทำให้เกิดภาพ และจับต้องได้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงนึกถึงสื่อที่คนไทยรู้จักกันดี คือ ‘สมุดหน้าเหลือง’ โดยเราต้องการให้หนังสือเล่มนี้เป็นวาระแห่งชาติจริงๆ” ภาคย์กล่าว
แคมเปญสมุดหน้าโจร นับเป็นครั้งแรกที่มีการทำ Data Visualization ของเบอร์มิจฉาชีพให้ออกมาเป็น ‘สมุด’ ในรูปแบบของ Whoscall เอง ด้วยการรวบรวมเบอร์ของมิจฉาชีพไว้ในนี้ กว่า 1.5 ล้านเบอร์ เพื่อกระตุ้น awareness ของผู้คนในสังคมให้ตื่นตัวต่อภัยหลอกลวงจากมิจฉาชีพเพิ่มขึ้น โดยชี้ว่าไม่มีทางที่จะสามารถพกสมุดหน้าโจรเล่มโตไปไหนต่อไหน หรือจดจำเบอร์จากมิจฉาชีพทั้งหมดได้ แต่การโหลด Whoscall สามารถช่วยเป็นเกราะป้องกันมิจฉาชีพได้ ด้วยฟีเจอร์ของแอปที่จะแจ้งเตือนเมื่อมีเบอร์น่าสงสัยโทร.เข้ามา
นอกจากนี้ มนประภา ยังคาดการณ์ว่าในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่พัฒนามากขึ้น อาทิ การใช้ Deepfake เพื่อปลอมเสียงและใบหน้า อีกทั้งการที่มีข้อมูลรั่วไหลและปัจจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทำให้มีแนวโน้มว่ามิจฉาชีพจะสามารถคิดค้นกลวิธีมาหลอกลวงเหยื่อได้อย่างแนบเนียนยิ่งขึ้น และการทำธุรกรรมออนไลน์ก็อาจมีความน่าเชื่อถือน้อยลง
อย่างไรก็ตาม Whoscall ไม่หยุดนิ่งที่พัฒนา AI เพื่อรับมือกับมิจฉาชีพเหล่านี้ด้วยเช่นกัน พร้อมเผยความมุ่งมั่นที่จะจับมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหามิจฉาชีพแพร่ระบาด โดยปัจจุบันมียอดผู้ดาวน์โหลดแอป Whoscall ทั่วโลกกว่า 100 ล้านราย และไทยมียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KKP มองผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ต่อไทย ใครชนะก็ไม่ต่าง การกีดกันการค้ามาแรง ส่งออกเสี่ยงกระทบ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine