“เรียล สมาร์ท” ขยายฐานดาต้าเทค ระดมทุน “LiVEx” รุกตลาดภูมิภาค - Forbes Thailand

“เรียล สมาร์ท” ขยายฐานดาต้าเทค ระดมทุน “LiVEx” รุกตลาดภูมิภาค

บริการด้านดาต้าเทคโนโลยี ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับบิ๊กดาต้า และนำมาบริหารจัดการเพื่อเข้าถึงและตอบสนองความต้องการลูกค้า ได้อย่างรวดเร็วเท่าทันเหตุการณ์


    เมื่อโลกถูกเชื่อมโยงด้วยข้อมูลที่วิ่งเร็ว ทำให้ทุกคนต้องปรับตัว โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ในยุคสื่อสังคมออนไลน์ ฐานข้อมูลจากลูกค้าแบบเรียลไทม์ ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงความต้องการ ความคาดหวัง รวมถึงความแคลงใจของลูกค้าได้รวดเร็ว ดาต้าเทคคอมปานีอย่าง “เรียล สมาร์ท” จึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดและขยายฐานธุรกิจให้เร็วยิ่งขึ้น

    ภูกิจ ดิศธรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) เผยว่าธุรกิจดาต้าเทคสามารถตอบสนองลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทำให้เรียล สมาร์ทมองเห็นโอกาสในการเติบโต จึงเดินหน้าแผนและกลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กร 5 ปี เพื่อก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมดาต้าเทค โดยเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ในยุคดิจิทัล ที่มีความรวดเร็ว ยืดหยุ่น ใช้งานง่าย ตอบโจทย์การใช้งานในองค์กร ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความแตกต่าง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

    ดังนั้นบริษัทจึงวางรากฐานการเติบโต ด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สามของไทย คือ LiVEx หรือ Live Exchange ซึ่งเป็นตลาดทุนในการระดมทุนและการซื้อขายแลกเปลี่ยนสำหรับ SME และ Startup โดยเตรียมเข้าตลาดและเปิดขายในเดือนกันยายนนี้

    ข้อมูลจาก live-platforms เผยว่า เรียล สมาร์ท จะเข้าตลาด LiVEx ในชื่อ REAL25 ราคาเสนอขายที่ 21.13 บาท/หุ้น โดยจะเสนอขายต่อนักลงทุนรายใหญ่ 100% จำนวนกว่า 1.7 ล้านหุ้น ทั้งนี้ บริษัทมีทุนจดทะเบียนกว่า 34 ล้านบาท เรียกชำระแล้วกว่า 32 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญกว่า 34.17 ล้านหุ้น


LiVEx ระดมทุน-สร้างความเชื่อมั่น

    “การระดมทุนครั้งนี้ นอกจากเพื่อการระดมทุนแล้วยังเป็นการทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือ เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่สามมารถตรวจสอบได้ จะเป็นการสร้างความเชื่อมันให้กับบริษัท” ภูกิจ กล่าวและว่า บริษัทได้เร่งพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับการใช้งานด้วยตนเอง (AI as a Service : AIaaS) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายตลาดและขยายฐานลูกค้า การสร้างและพัฒนาบุคลากรด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)

    ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมที่จดลิขสิทธิ์เกี่ยวข้องกับดาต้าเทค จำนวน 14 ลิขสิทธิ์ และอยู่ระหว่างการพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง รองรับความต้องการลูกค้า ทั้งในระดับ องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ภาครัฐ และ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งปัจจุบันมีคู่ค้าใช้บริการมากกว่า 100 บริษัทครอบคลุม 30 กลุ่มธุรกิจ อาทิ พลังงาน โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ อสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน และ ภาคอุตสาหกรรมการผลิต

    เรียล สมาร์ท เป็นผู้ให้บริการด้าน AI Data Technology แบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise Sector) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนา ซอฟต์แวร์ AI และ Data Platform ด้วยตนเอง และได้สะสมทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 14 นวัตกรรม ซึ่งครอบคลุมระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics), ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic AI), ระบบอัตโนมัติด้วย Machine Learning และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก

    ปัจจุบันเรียล สมาร์ท บริหารจัดการข้อมูลกว่า 1,000 ล้านแมสเสจต่อปี และดูแลบริหาร crisis 300 cases ต่อปี บริการดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจดาต้าเทคและเอไอ ซึ่งตลาด AI ของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 114,000 ล้านบาทภายในปี 2573 ส่วนตลาดซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลองค์กรมีแนวโน้มที่ดี โดยจะเติบโตถึง 9.2 หมื่นล้านบาทภายในปี 2568 และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 18.3%

    ธุรกิจหลักของเรียล สมาร์ท คือการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI + Data แบบ Self-Service สร้างเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถใช้งาน วิเคราะห์ และสร้าง Insight ได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทีมเทคนิคในทุกขั้นตอน ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการตัดสินใจ โดยพัฒนาโมดูล AI-as-a-Service (AIaaS) แยกบริการ AI ออกเป็นโมดูลเฉพาะทางที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เช่น Customer Insight, Credit Scoring, Demand Forecasting ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้งานเฉพาะส่วนที่ตรงกับความต้องการ และนำไปใช้ได้ทันที โดยเข้าถึงและดูแลลูกค้าด้วยแนวทางการขายที่มีความเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง

    ด้วยบริการ Consultative Selling ใช้ทีมขายเชิงกลยุทธ์ที่มีความรู้ทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ เพื่อเข้าใจปัญหาของลูกค้าและออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์เฉพาะราย สร้าง Customer Success Framework พัฒนาโครงสร้างการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องหลังการขายเพื่อส่งเสริมการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มความพึงพอใจ และรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว

    “เรียล สมาร์ท เริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า ข้อมูล (Data) คือ ทองคำ ที่มีความสำคัญมากต่อการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร จึงเป็นที่มาของจุดเริ่มธุรกิจ โดยการจัดเก็บ รวมรวม และ ยังสร้างมูลค่าข้อมูลโดยการวิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยการนำเทคโนโลยี ดิจิทัล และ AI มาใช้ ทำให้ผมและเพื่อนอีก 2 คน คือ อุกฤษฏ์ ตั้งสืบกุล และ ผศ. ดร. รุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกันตั้งแต่ปี 2564 สู่การเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือ Tech Start up นับตั้งแต่นั้นมา” ภูกิจ กล่าวและว่า ได้เริ่มธุรกิจด้าน Data มาตั้งแต่ปี 2558 และได้เชิญ คุณพงษ์ทิพย์ เทศะภู ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร และ บริหารจัดการวิกฤต (crisis management) ให้กับองค์กร มาร่วมทีม

    จากนั้นได้ชวน ผศ. ดร. รุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ เพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และ AI เข้ามาทำโครงการพัฒนาระบบ Data Tech ร่วมกันซึ่ง ผศ. ดร. รุ่งโรจน์ เป็นหนึ่งในนักศึกษาไทยที่ได้รับทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนจากมหาวิทยาลัย George Mason และ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration : NASA) ในปี 2550 จากงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการสำรวจข้อมูลระยะไกลในอวกาศ (Remote Sensing) และจากนั้นก็ชวน คุณอุกฤษฏ์ ตั้งสืบกุล เพื่อนที่โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมและให้ความรู้ด้านการใช้งานเทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาร่วมพัฒนา Data Tech ด้วยกัน


    “ความพร้อมของ เรียล สมาร์ท คือได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และเก่งในด้านการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยเฉพาะการทำ Social Monitoring และ Social Listening เครื่องมือการตรวจหาข้อมูล และ ข่าวสารบนโลกออนไลน์ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจ องค์กรของรัฐ และ รัฐวิสาหกิจ ด้านชื่อเสียง และ ภาพลักษณ์องค์กร ทำให้เรามั่นใจว่า หลังจากผ่านระยะของการวางรากฐานธุรกิจในช่วง 10 ปีแรกมาแล้ว (2558-2568) การยกระดับองค์กรโดยนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด LivEx ในไตรมาสสามของปีนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจการขยายและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีได้เต็มที่ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรม และ สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้าน Data Tech ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 อย่างมั่นคงและเติบโตอย่างการก้าวกระโดด สามารถขยายฐานธุรกิจจากการเป็นผู้นำด้าน Data Tech ในประเทศไทย ไปสู่การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคได้ภายใน 5 ปี นับจากนี้ไป” ภูกิจ กล่าว


ผู้นำนวัตกรรมในระดับภูมิภาค

    ดร.รุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า “ดาต้า ไม่มีวันตาย” บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Data Tech อย่างต่อเนื่อง

   “ทุกๆ ไตรมาส เราจะมีเป้าหมายในการพัฒนาฟังก์ชั่น การทำงานใหม่ๆ ออกมา โดยนำ Pain Point ของลูกค้ามาปรับปรุงระบบและแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เราคิดแทนลูกค้าว่า อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ นำมาพัฒนาและปรับปรุงระบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการ ทำให้ปัจจุบันเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้าน Data Tech และ AI ถึง 14 นวัตกรรม และยังอยู่ในการพัฒนาอีกหลายนวัตกรรม” ดร.รุ่งโรจน์ ย้ำ

    ปัจจุบันเรียล สมาร์ทมีทีมพัฒนาเทคโนโลยีกว่า 50 คน ซึงเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า และ นำมาพัฒนาปรับปรุงฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง คือ จุดแข็งของ เรียล สมาร์ท ปัจจุบันจะมีข้อมูลมหาศาลไหลเข้าสู่ระบบของบริษัท 5-10 ล้านข้อความต่อวัน โดยบริษัทคัดเลือกข้อมูลจากระบบเข้ามาพัฒนาได้มากกว่าวันละ 1 ล้านข้อความ ทำให้สามารถบริหารจัดการและให้คำแนะนำกับลูกค้า ในการบริหารจัดการวิกฤตขององค์กร จากการโจมตีผ่านทาง Social Media โดยการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล AI และ แพลตฟอร์ม ของบริษัททำให้ผมมั่นใจว่า เรียล สมาร์ทจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้าน Data Tech ของไทย ได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีนับจากนี้ และจะก้าวสู่ระดับภูมิภาคภายในระยะเวลา 5 ปี ในการขยายรับงานด้านดาต้าเทคโนลียี ให้กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


บริหารวิกฤตองค์กร ด้วย Data

    ด้านพงษ์ทิพย์ เทศะภู ประธานสายงานฝ่ายสื่อสาร กล่าวว่า เทคโนโลยีของ เรียล สมาร์ท ถูกออกแบบให้สามารถตรวจหาข้อมูล และข่าวสารที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจ องค์กรของรัฐ และ รัฐวิสาหกิจ เครื่องมือที่เรียกว่า Social Monitoring Social Listening จะช่วยปกป้องชื่อเสียง และภาพลักษณ์ขององค์กรจาก Social Media ที่มาจากการการวิเคราะห์และประมวลผลกระทบที่เกิดขึ้นจากข้อมูลและข่าวสารจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้บริษัทสามารถพัฒนา ผลิตภัณฑ์ และ บริการที่ช่วยในการแก้ไขวิกฤต ที่เกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ได้ทันท่วงที

    “การที่เรามีเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตรวจจับข้อความต่างๆ ได้มากกว่า 1 ล้านข้อความต่อวัน และมีระบบคัดกรองและตรวจสอบ ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์สูงทำให้เราสามารถช่วยแก้ปัญหาให้องค์กรต่างๆ ช่วยลดความเสี่ยงและวิกฤตองค์กร ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เราสามารถบริหารจัดการวิกฤตที่เกิดจากข่าวสาร รวมไปถึงข่าวปลอม ที่กระทบกับองค์กรต่างๆ ได้มากกว่า 100 องค์กร ใน 30 กลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้เราเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ และ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตทั้งในประเทศไทย และ ในระดับภูมิภาค” พงษ์ทิพย์ กล่าว

    ทั้งนี้ บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด ก่อตั้งปี 2558 โดย นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ด้วยทุนจดทะเบียน 12.987 ล้านบาท ประกอบธุรกิจด้าน Data Tech และ เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล AI และ แพลตฟอร์ม และต่อมาในปี 2564 ผศ.ดร. รุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ และ นายอุกฤษฏ์ ตั้งสืบกุล เข้ามาร่วมงานและเป็นผู้ถือหุ้น ได้มีการพัฒนาและขยายงานด้าน Data Technology อย่างต่อเนื่อง และ แปลงสภาพเป็นบริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) ในปี 2568 ด้วยผลงานการพัฒนา 14 นวัตกรรมที่จดลิขสิทธิ์ 5 ผลิตภัณฑ์ และ 5 การบริการ

    5 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ Real Vision เป็น AI Data Platform สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, Real Listening เป็นซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์, RealSmart + Application เป็นแอปพลิเคชัน สำหรับการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ที่ออกแบบมาให้ผู้บริหารและนักการตลาดเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคอย่างสะดวกรวดเร็ว เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาสินค้าและบริการของลูกค้า, Real Protection เป็นระบบปกป้องแบรนด์จากภัยคุกคามในโลกออนไลน์, และ Real Engagement เป็นระบบบริหารจัดการการสื่อสารและดูแลลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย

    สำหรับ 5 บริการในปัจจุบัน ประกอบด้วย Real Monitoring เป็นบริการเฝ้าระวังและมอนิเตอร์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย, Real Data Analytics เป็นบริการวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์เชิงลึกเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยใช้เครื่องมือ AI และ Machine Learning มาประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก, Real Digital Agency บริการด้านการตลาดดิจิทัล ครบวงจรภายใต้การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing), Real Contact Center ศูนย์บริการ Contact Center ครบวงจร พร้อมระบบ AI ช่วยสนับสนุนการทำงาน, Real Crisis Management บริการ ให้คำปรึกษา และ การบริหารจัดการภาวะวิกฤตในโลกออนไลน์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : บี.กริม เพาเวอร์ ตอกเข็มฤกษ์ สร้าง ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ มูลค่า 24,520 ล้าน ตั้งเป้าเปิดให้บริการปลายปี 2569

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON