Netflix ปรับโครงสร้างทีมผลิตภาพยนต์ใหม่ จากเดิมเน้นปริมาณปล่อยหนังออกมาถี่จำนวนมากหลายเรื่องจึงหันมาเปลี่ยนเป็นเน้นคุณภาพมากขึ้นแทน
สถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อและธุรกิจสตรีมมิ่งที่ดูเหมือนอยู่ในช่วงขาลงได้ส่งผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างภายในองค์กรของ Netflix หลังจากล่าสุดที่ผ่านมามีการปลดพนักงานไปแล้วราว 300 ราย ซึ่งรวมถึง Lisa Nishimura มือปั้นรายการสแตนด์อัพ คอเมดี้ และรายการสารคดี ผู้ทำงานกับ Netflix มานานถึง 15 ปี และ Ian Bricke รองประธานกลุ่มภาพยนตร์ ผู้ช่วยสร้างหนังแฟรนไชส์ The Kissing Booth
โดยล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg รายงานด้วยว่า ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลภาพยนตร์ของ Netflix ตอนนี้ คือ Scott Stuber ผู้ซึ่งพยายามจะลดจำนวนภาพยนตร์ลงและหันมาเน้นคุณภาพให้มากขึ้นแทน
ในแต่ละปี Netflix ได้สร้างหนังมากกว่า 50 เรื่อง ซึ่งหลายเรื่องก็โด่งดังเป็นที่น่าจดจำ และยังได้รับรางวัลหรือถูกเสนอชื่อเข้าชิงจากเวทีใหญ่อย่างออสการ์ เช่น All Quiet on the Western Front, Glass Onion: A Knives Out Mystery ในขณะที่เรื่องอื่นๆ กลับไม่เป็นกระแสมากเท่าที่ควร
นอกจากนี้ อีกปัจจัยสำคัญ คือการเลือกช็อปปิ้งลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากสตูดิโอหนังไม่ได้ง่ายเหมือนในอดีต เพราะแต่ละสตูดิโอต่างมีสตรีมมิ่งของตัวเองก็เลยเลือกที่จะฉายหนังผ่านช่องทางของตัวเองมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Bloomberg ยังรายงานด้วยว่า ทีมผลิตภาพยนตร์ของ Netflix มีการแบ่งทีมกันอย่างชัดเจนโดยขึ้นอยู่กับงบประมาณในการสร้างหนัง ได้แก่ กลุ่มภาพยนตร์อิสระ จะใช้งบประมาณไม่เกิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ทีมภาพยนตร์ระดับกลางจะใช้งบประมาณ 30-80 ล้านเหรียญ ส่วนทีมสุดท้ายก็คือทีมของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการผลิตนั่นเอง
นอกจากนี้ อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับภาพยนตร์ต่างๆ จะมีความเป็นรวมศูนย์มากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม: “ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” ตั้งเป้าบัตร 50,000 ราย ในปี 2568 มั่นใจตรวจเข้มไม่มีสมาชิก “จีนสีเทา”
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine