LIV-24 ส่ง ESG Tech ปฏิวัติภาคอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยี AI ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน - Forbes Thailand

LIV-24 ส่ง ESG Tech ปฏิวัติภาคอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยี AI ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

PR / PR NEWS
01 Oct 2024 | 03:00 PM
READ 337

​ปัจจุบันในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะ สหภาพยุโรปที่มีมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ที่เป็นการกำหนดการมีใบรับรองการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือ CBAM certificates

​ตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนที่แท้จริงจากกระบวนการผลิตของสินค้านั้นๆ เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาใน EU นโยบายด้าน ESG เหล่านี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว

​เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้โดดเด่นจากคู่แข่งในตลาดโลกได้ LIV-24 มองเห็นโอกาสให้การนำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้ โดยใช้ AI วิเคราะห์และประมวลผลการใช้พลังงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อออกแบบโซลูชัน ที่จะเข้ามาช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นการปฏิวัติภาคอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน

​นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด

นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด เปิดเผยว่า "LIV-24 มุ่งพัฒนาโซลูชันสนับสนุน มาตรฐานด้าน ESG ในภาคอุตสาหกรรมไทย เนื่องจากตระหนักถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมระดับโลก

​โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อม การใช้เทคโนโลยี AI และ Iot ดูแลโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 130 โครงการ ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ ทั้งที่อยู่อาศัย อาคารเชิงพาณิชย์ อาคารมิกซ์ยูส ศูนย์บริการสาขา คลังสินค้า และธุรกิจบริการอย่างโรงแรมหลายแห่งในประเทศไทย

​LIV-24 มองเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงได้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม INDUSTRIAL TECHNOLOGY โดยใช้ AI ผสานกับประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ โดยนำเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะตรวจจับความผิดปกติ (CCTV Analytic) ระบบ IoT Monitoring มาใช้ควบคุมและมอนิเตอร์อาคาร เครื่องจักร ระบบต่างๆ ที่จำเป็นต่อกระบวนการผลิต รวมถึงการจัดการด้านพลังงาน น้ำเสีย และระบบขนส่ง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับศูนย์ควบคุมส่วนกลาง Command Centre ที่ดูแลแบบ Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ นอกจากการเก็บข้อมูล ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และแจ้งเตือนอัตโนมัติถ้ามีเหตุผิดปกติเพื่อประสานงานเข้าแก้ไขอย่างทันท่วงทีก่อนที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน

การเก็บข้อมูลอย่างละเอียดและนำมาประมวลผลได้ ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถปรับตัว วางแผนการทำงาน รวมไปถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มผลผลิตให้ดีขึ้น ภายใต้งบลงทุนที่กำหนดได้ ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัย ช่วยในการประหยัดพลังงานและลดต้นทุนในการบริหารจัดการได้ถึง 20% นอกจากนี้ ระบบยังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการลดคาร์บอน ช่วยให้โรงงานปรับตัวเข้ากับความต้องการของลูกค้าที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ LIV-24 เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน"

โดย LIV-24 ได้พัฒนาและออกแบบ Solution ที่ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยี เพื่อภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ดังนี้


​1. Fleet Management เทคโนโลยีการติดตามรถขนส่งแบบ Real Time ด้วย GPS Tracking ที่เชื่อมต่อเข้ากับศูนย์ Command Centre สามารถ ออกแบบเส้นทาง และติดตามการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดต้นทุนด้านพลังงานในการขนส่ง สามารถแจ้งเตือนทันทีเมื่อออกนอกเส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนส่งสารปนเปื้อน หรือกากอุตสาหกรรม ที่ต้องได้รับการดูแลให้ถูกต้องตามข้อกำหนด สามารถกำหนดจุดหมายและเวลาที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนได้อีกทางหนึ่ง


​2. Energy Management เทคโนโลยี AI ของ LIV-24 สามารถเก็บข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ที่ใช้พลังงานในแต่ละส่วน เพื่อนำมาวิเคราะห์ และวางแผนการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น การวางแผนการเปิด-ปิดระบบไฟอัตโนมัติ ช่วง On-Peak / Off-Peak และสลับกิจกรรมที่ใช้พลังงานไฟมากในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ต้นทุนค่าไฟต่ำที่สุด และยังมีการวิเคราะห์การใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานอย่างเหมาะสม เช่น การตั้งค่าให้นำพลังงานจาก Solar Cell มาใช้ก่อนในช่วงที่เป็น On Peak เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งลดการใช้ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil fuel) ที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง เพื่อลดผลกระทบกับชุมชนอีกด้วย



​3. Waste Water Management ระบบการมอนิเตอร์คุณภาพน้ำแบบ Real Time แจ้งเตือนผ่าน Command Centre สามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ออกจากโรงงาน โดย LIV-24 สามารถมอนิเตอร์ ค่าน้ำเสียให้อยู่ในค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย โดยแจ้งเตือนทันทีเมื่อพบความผิดปกติของน้ำเสีย ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ออกจากโรงงานสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ไม่สร้างผลกระทบต่อแหล่งชุมชน

"ปัญหามลพิษ และการสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการโรงงานอุตสาหกรรม ผลักดันมาตรฐาน Green Industry, มาตรฐาน Eco Factory โดยเทคโนโลยีของ LIV-24 จะเข้ามาช่วยออกแบบโซลูชัน ที่มาช่วยส่งเสริมให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ในภาคธุรกิจ LIV-24 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ทัดเทียมนานาชาติได้ ภาวะโลกร้อนในตอนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่เป็นต้นทุนที่มองไม่เห็นและเป็นภาระที่คนไทยต้องแบกรับหากไม่มีการแก้ไข" นางสาวนิรมล กล่าวทิ้งท้าย