LINE TV แถลงความสำเร็จ 5 ปี เดินหน้าขยายฐานผู้ชมกลุ่ม mass และต่างจังหวัด พร้อมเตรียมให้ดาวน์โหลดแอปฯ ลง Android TV - Apple TV รับเทรนด์จอใหญ่มาแรง หลังยอดชมบน Chromecast พุ่ง 3 ล้านวิว
กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมนี้เป็นเดือนที่ LINE TV ครบรอบ 5 ปีและกำลังก้าวสู่ปีที่ 6 ซึ่งเป้าหมายคือการเดินหน้าขยายฐานผู้ชมทั่วประเทศด้วยคอนเทนต์ที่ mass มากขึ้น และการรองรับการสตรีมมิ่งขึ้นทีวี
“แพลตฟอร์มของเรามีจุดแข็ง 3 ด้าน คือ 1.การเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับว่านำคอนเทนต์มารีรันได้เร็วที่สุด และหลายครั้งก็มีคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ 2.การเป็นแพลตฟอร์มดูวิดีโอพรีเมียมออนไลน์ฟรี และ 3.การมีออริจินัลคอนเทนต์ซึ่งสร้างความแตกต่างและดึงผู้ชมให้อยู่บนแพลตฟอร์มได้มากที่สุด
“ปีที่ผ่านมาเราได้รับรางวัลมากมายทั้งในเรื่องแพลตฟอร์มและออริจินัลคอนเทนต์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ของเราได้รับการยอมรับมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมียอดวิวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยมีละครท็อปฟอร์ม 4 เรื่องที่มียอดวิวเกิน 500 ล้านวิว คือ ใบไม้ที่ปลิดปลิว, รักฉุดใจ นายฉุกเฉิน, เจ้าหญิงเม็ดทราย และมนตรามหาเสน่ห์” กณพกล่าว
โดยสถิติที่น่าสนใจในปีที่ผ่านมา มีดังนี้
- ระยะเวลาที่ผู้ชมใช้บนแพลตฟอร์มนี้เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 176 นาที/คน/วัน
- ปัจจุบันมีคอนเทนต์จากพาร์ทเนอร์รวม 220 ราย
- มีคอนเทนต์ให้บริการกว่า 1,000 ชิ้น (รวมแล้วมากกว่า 100,000 คลิปวิดีโอ)
กณพ ยังกล่าวถึงเส้นทางความสำเร็จด้วยว่า LINE TV เริ่มให้บริการในไทยปี 2014 สามารถทำยอดวิวแตะ 1,000 ล้านวิวได้ภายใน 1 ปีหลังเปิดให้บริการ และในปี 2016 ซีรีส์ดังจากค่ายนาดาวบางกอกอย่าง I hate you, I love you ก็จุดพลุความดังให้กับแพลตฟอร์มนี้ จนในปี 2017 ก็มีพาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า กระทั่งในปี 2018 แพลตฟอร์มนี้ถือเป็นตัวจุดกระแสให้คนที่ดูคอนเทนต์ผ่านออนไลน์อยากไปดูสดบนทีวีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันกับพาร์ทเนอร์
กณพ ยังกล่าวถึงสถิติที่น่าสนใจเพิ่มเติมของพฤติกรรมผู้ใช้แพลตฟอร์มดูทีวีย้อนหลังออนไลน์นี้ โดยระบุว่า
- 75% ของยูสเซอร์ดูซีรีส์ดราม่าและซิทคอม ขณะที่ 15% ดูรายการวาไรตี้ และอีก 10% ดูคอนเทนต์ประเภทอื่น
- 40% ของคนที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ดูคอนเทนต์บน LINE TV ทุกวัน โดยกลุ่มที่ใช้เวลามากที่สุดคือกลุ่มอายุ 14-23 ปี และกลุ่มที่มีจำนวนเข้ามาใช้งานมากที่สุดคือกลุ่มอายุ 24-29 ปี
- ช่วงเวลาที่คนเข้าชมมากที่สุดคือ 15.00-18.00 น. รองลงมาคือ 20.00-22.00 น. และ 12.00-14.00 น. ตามลำดับ
- 10 จังหวัดที่มีคนดูมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ชลบุรี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, สงขลา, นครปฐม, นครสวรรค์, ภูเก็ต และพระนครศรีอยุธยา
“อันดับของจังหวัดที่มีผู้ชมมากที่สุดส่วนหนึ่งมาจากจำนวนประชากร แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองหลักเท่านั้น และในปีนี้เราจะเดินหน้าขยายฐานผู้ชมในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยใช้คอนเทนต์เป็นตัวนำเพื่อเจาะกลุ่ม mass ซึ่งจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่เข้าถึงง่าย เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน ทั้งนี้ หลังจากได้ทดลองปล่อยซีรีส์คอมเมดี้เรื่องสู้ตายนายกระจับออกไป พบว่ายอดวิวเพิ่มขึ้น 40% ในเชียงใหม่, พัทยา และขอนแก่น”
เตรียมให้ดาวน์โหลดแอปฯ ใน Android TV - Apple TV
กณพ กล่าวอีกว่า ด้านสถิติวิธีการค้นหาคอนเทนต์จากยูสเซอร์นั้น 35% คือการเข้ามาที่ LINE TV โดยตรง, 35% มาจากการค้นหาใน search engine และอีก 30% มาจากระบบนิเวศของ LINE และโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเห็นได้ว่า 70% ของผู้ชมเข้ามาดูด้วยความตั้งใจ ทำให้เราเพิ่มฟีเจอร์แท็บคอนเทนต์ที่มีผู้ชม 100 ล้านวิว และแท็บหนังบนแพลตฟอร์มของเรา เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาคอนเทนต์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
“ขณะที่สถิติช่องทางการรับชมของยูสเซอร์นั้นพบว่า 52% มาจากแอปพลิเคชั่นของเรา, 24% มาจากแอปพลิเคชั่น LINE, 14% มาจากเว็บไซต์บนโทรศัพท์มือถือ และ 10% มาจากเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า 90% ของผู้ใช้มีการรับชมผ่านมือถือ อย่างไรก็ตาม เทรนด์ของการดูผ่านจอใหญ่ก็เริ่มเพิ่มขึ้น โดยจากที่เรารองรับการสตรีมมิ่งผ่าน Chromecast ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ายอดวิวผ่านช่องทางนี้เติบโต 70% ต่อเดือน และปัจจุบันมียอดวิวกว่า 3 ล้านวิวแล้ว”
กณพ ระบุว่า คอนเทนต์ยอดนิยมผ่านการรับชมทาง Chromecast ได้แก่ คอนเทนต์แนวดราม่า, แอนิเมชั่น และเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นคอนเทนต์กลุ่มครอบครัว
“และที่เราเปิดตัวในเดือนนี้คือการเปิดให้ดาวน์โหลดแอปฯ บน Android TV ได้ ส่วน Apple TV กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ รวมถึงยังมีการพูดคุยกับแบรนด์ทีวีต่างๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นความพยายามนำคอนเทนต์เข้าไปเสิร์ฟในอุปกรณ์ที่ยูสเซอร์ใช้”
โดยมุ่งโฟกัสไปที่กลุ่มผู้ชม 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.Youngster เป็นวัยรุ่นและวัยเรียน อายุ 14-25 ปี 2.Premium Mass วัยทำงาน อายุ 21-34 ปี 3.Segmented Users ซึ่งเป็นกลุ่มที่ครอบคลุมช่วงอายุกว้างตั้งแต่ 14-34 ปี แต่มีความชื่นชอบคอนเทนต์ที่มีลักษณะเฉพาะทั้งรูปแบบและเนื้อหา และ 4.Mass เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุมอายุ 14-45 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเป็นผู้ชมใหม่ โดยเน้นเนื้อหาที่ดูง่ายแบบครอบครัว
“ทั้งหมดที่เราทำก็เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม เช่น หากเรตติ้งของซีรีส์บนทีวีไม่ดี แต่บนแพลตฟอร์มของเราอาจดีก็ได้ ทั้งยังได้ฐานผู้ชมใหม่ และมีรายได้จากช่องทางนี้ด้วย สำหรับ LINE TV ซึ่งมีรายได้มาจากโฆษณานั้น มีอัตราการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 50% ต่อปี”
กณพ กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันในตลาดที่กำลังจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา แน่นอนว่าในระยะสั้นจะมีผลกระทบในเรื่องการแย่งชิงผู้ชมกัน แต่หากมองในระยะยาว มองว่ามีข้อดีคือเป็นการทำให้ผู้คนคุ้นชินกับแพลตฟอร์มมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าตลาดจะเติบโตไปได้อีกมาก
“ปัจจุบันประเทศไทยมีคนดูทีวี 55 ล้านคน ขณะที่ผู้ใช้ LINE TV เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เกือบ 40 ล้านคน จากต้นปีที่อยู่ที่ 33 ล้านคน บนฐานผู้ใช้งาน LINE 44 ล้านคน เรียกได้ว่าเรายังมีโอกาสขยายฐานผู้ใช้ได้อีก ซึ่งเรายังให้ความสำคัญกับเป้าหมายเดิม คือการเป็นแพลตฟอร์มทีวีออนไลน์อันดับ 1 ของไทย” กณพ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม- เปิดทิศทางปี 2562 จาก “6 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง” ดนตรี-วิดีโอ
- กลยุทธ์ดึงยอดผู้ชม 3 เท่าของ Netflix “อัลกอริธึม” และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine