“เฮกซ่าเทค” เปิดทางเลือกยุค AI สอนเครื่องจักรทำงานแบบ No-Code - Forbes Thailand

“เฮกซ่าเทค” เปิดทางเลือกยุค AI สอนเครื่องจักรทำงานแบบ No-Code

ชั่วโมงนี้ใครตามยุค AI ไม่ทันย่อมเสียโอกาสในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ AI มาใช้ในกระบวนการผลิต การโปรแกรมและสั่งงานเครื่องจักร ถ้าตกยุคการใช้สมองกลอัจฉริยะก็อาจเดินตามเพื่อนไม่ทัน

    ความตื่นตัวเรื่องการใช้ AI: Artificial Intelligence สมองกลอัจฉริยะที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นกระแสตื่นตัวทั่วโลกต่อเนื่องมาหลายปี กระทั่งปัจจุบันทุกธุรกิจต่างให้ความสำคัญศึกษาเรียนรู้ และพยายามนำ AI มาประยุคใช้กับการทำงานในหลากหลายฟังก์ชัน นอกจากสมองกลอัจฉริยะแล้ว ยังมีความหลากหลายของ AI ที่หลายคนยังเห็นภาพไม่ชัดเจน มีทั้ง Machine Learning, Deep Learning, Robotics, GEN AI ความลึกของการใช้ AI แตกต่างไปตามความต้องการใช้งาน ด้วยเหตุนี้ธุรกิจให้บริการด้าน AI ที่เชื่อมโยงกับการนำไปใช้ในฟังก์ชันต่างๆ จึงเปิดตัวเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

เปิดตัวธุรกิจจากความร่วมมือของบริษัท เฮกซ่าเทค โซลูชั่นส์ และ CIS ผู้เชี่ยวชาญด้าน software, clouds, data services, AI และกลุ่มแพคริม

    ดังเช่นล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมาจึงมีการเปิดตัวธุรกิจจากความร่วมมือของ ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ และบริษัทเทคโนโลยี AI จากต่างประเทศ ออกมาแนะนำตัวสู่ตลาด คือ บริษัท เฮกซ่าเทค โซลูชั่นส์ และ CIS ผู้เชี่ยวชาญด้าน software, clouds, data services, AI และกลุ่มแพคริม ซึ่งนับเป็นความร่วมมือของ 3 องค์ประกอบสำคัญในการปรับตัวธุรกิจสู่ยุค AI เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้บริการวางแผนปรับตัวเข้าสู่การใช้งาน AI ได้อย่างสะดวก เนื่องจากมีความร่วมมือของ 3 องค์ความรู้ทั้งด้านเทคโนโลยี AI และการปรับตัวทางธุรกิจ รองรับความต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเอไอ ในแบบที่มีพี่เลี้ยงให้สามารถปรับตัวได้สะดวกมากขึ้น

    บัญชา ธรรมารุ่งเรือง ซีอีโอ บริษัท เฮกซ่าเทค โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวว่าธุรกิจของเฮกซ่าเทค เปิดขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหา pain points ขององค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในความพยายามนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในองค์กร ซึ่งที่ผานมามักจะไม่ประสบผลสำเร็จ และพบว่า “คน” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะหากคนไม่ยอมรับ หรือขาดความพร้อมที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงก็จะมีความล่าช้า หรือได้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ทรานส์ฟอร์มสู่ยุค AI

    “เฮกซ่าเทค ตั้งขึ้นมาเพื่อบูรณาการ การทรานส์ฟอร์มองค์กรให้ประสบผลสำเร็จโดยขับเคลื่อนทั้งในด้านเทคโนโลยี คน  และธุรกิจ” ซึ่งบัญชา ย้ำว่าการปรับทั้งสามส่วน คือ Business + People + Technology จำเป็นต้องเดินควบคู่กันไป ไม่สามารถขาดส่วนใดส่วนหนึ่งเพราะจะทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปได้ยาก “เราเชื่อว่าในยุค AI องค์กรหรือคนที่จะประสบความสำเร็จ จะต้องผสมผสานทั้งจุดแข็งของมนุษย์และเทคโนโลยีไปด้วยกัน เป็น Human Intelligence + Artificial Intelligence” ความฉลาดที่ต้องก้าวเดินไปพร้อม ๆ กันของคนและสมองกล เพื่อทำให้การนำมาใช้มีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงได้

    บัญชา เผยว่า เฮกซ่าเทค เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ICS ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้าน software, clouds, data services และ AI  และอีกพาร์ตเนอร์สำคัญคือ กลุ่มแพคริม บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาผู้นำ และพัฒนาองค์กรชั้นนำของไทย เมื่อนำมารวมกันเชื่อว่าจะทำให้การพัฒนาธุรกิจด้วยพื้นฐาน AI ได้สะดวกราบรื่นมากขึ้น เป็นทางเลือกให้กับธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการนำ AI เข้าช่วยพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น ทั้งระบบข้อมูลต่าง การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ รวมถึงการนำ AI ไปใช้ในการทำ Machine Learning, Deep Learning, ตลอดจนการใช้ Robotics ต่างๆ

    ในโอกาสนี้ เฮกซ่าเทค ได้เปิดตัวพาร์ทเนอร์รายสำคัญ คือ  Profet AI ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI Machine Learning อันดับหนึ่งของไต้หวัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จขององค์กรชั้นนำมากมาย และมีการแชร์ use cases ตัวอย่างจากของจริงในการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ช่วยองค์กรในด้านต่าง ๆ และในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมีผลลัพธ์ที่จับต้องได้

    Jerry Huang ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Profet AI กล่าว่า บริษัทของเขาประสบความสำเร็จในการ ช่วยบริษัทลูกค้าทรานสฟอร์มธุรกิจเข้าสู่การใช้ AI ได้อย่างราบรื่นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของเขาที่เรียกว่า “No-Code, Auto Machine Learning” หรือกล่าวโดยสรุปก็คือการทำ Machine Learning ในการใช้งานเครื่องจักรต่างๆ ด้วยแพลตฟอร์มซึ่งไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดในการสั่งงาน

    “บริการของเราเป็น Virtual Data Scientist ให้กับผู้ใช้งานสามารถนำแพลตฟอร์มและแอพพลิเคชัน AI นี้ไปใช้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลหรือโปรแกรมเมอร์มานั่งเขียนโค้ดโปรแกรม” ดังนั้นผู้ใช้แพลตฟอร์มของ Profet AI จึงสามารถนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ใช้ระยะเวลาในการปรับตัวสั้นกว่า ตัดขั้นตอนที่ยุ่งยากของการทำโคดดิ้งออกไป แต่ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ดีเหมือนกัน มีประสิทธิภาพที่แข่งขันในตลาดได้

3 บริการให้เลือก

    บัญชา กล่าวว่า บริการและโซลูชันของเฮกซ่าเทค มี 3 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ 1.AI Solutions & Services: บริการด้านคำปรึกษาและการอิมพลีเมนต์โซลูชัน AI บริกาที่ 2 คือ  AI Simulation for Business Bootcamp : เป็นการจำลองประสบการจริงในขั้นตอนการนำ AI ML หรือ AI Machine Learning มาประยุกต์ใช้กับ Use cases ต่าง ๆ เพื่อย่นระยะเวลาให้เห็นผลลัพธ์ในเวลาเพียงแค่ 2 วัน จากปกติที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน

    บริการที่ 3 คือ Incorporating AI into Business Strategies เป็นหลักสูตรสำหรับผู้บริหารองค์กรเพื่อการจัดทำกลยุทธ์และโร้ดแมพด้าน AI และการประสานกลยุทธ์ AI กับกลยุทธ์องค์กร

    จากความคาดหวังสู่การให้บริการ ซีอีโอเฮกซ่าเทค บอกว่าพันธกิจของเฮกซ่าเทค คือการช่วยให้องค์กรไทย สามารถนำเอาเทคโนโลยีด้าน AI Machine Learning มาใช้ประโยชน์ได้เลยตั้งแต่ในวันนี้ เหมือนกับองค์กรชั้นนำทั่วโลก  ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างนวัตกรรม เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวกระโดดไปสู่ขีดความสามารถใหม่ ๆ ได้ กระทั่งเข้าถึงการมีขีดความสามารถการแข่งขันในระดับโลก ท่ามกลางข้อจำกัดต่าง ๆ ไม่ว่าจำเป็นในด้านต้นทุน การแข่งขัน ทรัพยากร ฯลฯ

    ด้านพรทิพย์ อัยยะมาพันธ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ กลุ่มบริษัทแพคริม กล่าวว่าในฐานะบริษัทผู้ให้คำปรึกษาในการปรับตัวทางธุรกิจ มองเห็นความต้องการในยุคเปลี่ยนผ่านจากองค์กรเดิมไปสู่องค์กรที่มีความทันสมัยด้านเทคโนโลยี ที่สำคัญสามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในกระบวนการดำเนินธุรกิจได้ และยิ่งได้พาร์ตเนอร์ที่มีความสามารถในการพัฒนา การใช้ AI ผ่านบริการกึ่งสำเร็จรูปด้วยแพลตฟอร์ม ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องมีขั้นตอนทางเทคนิกที่ยุ่งยาก ไม่ต้องเขียนโปรแกรมโคดิ้งต่างๆ เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ หลาย ๆ ธุรกิจสามารถเสริม AI เข้าไปเป็นจุดแข็งในการผลิต และขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างเท่าทันหลายประเทศ ที่ผ่านเข้าสู่ยุค AI ไปก่อนหน้าเรา

    “วันนี้โอกาสมาถึงบ้านเราแล้ว เฮกซ่าเทค จะเป็นทั้งที่ปรึกษา และผู้ให้บริการการใช้ AI ในกระบวนการธุรกิจได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว” ผู้บริหารแพคริม ย้ำและว่าบริการที่พร้อมสรรพพร้อมใช้นี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับบริษัทในไทย สามารถยืนหยัดและเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค AI ได้สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล มาเขียนโปรแกรมใหม่ซึ่งยุ่งยากและใช้เวลามากกว่า

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine