4 เรื่องน่ารู้ของ GlobalCoin ‘เงินคริปโต’ จาก Facebook - Forbes Thailand

4 เรื่องน่ารู้ของ GlobalCoin ‘เงินคริปโต’ จาก Facebook

Facebook กำลังพยายามสร้างความไว้วางใจและชื่อเสียงในทางดีของตัวเองอีกครั้งด้วยคำมั่นว่าจะรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทก็กำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าสู่ธุรกิจบริการทางการเงิน ผ่านการพัฒนาเงินคริปโตในนาม GlobalCoin

แปลและเรียบเรียงบางส่วนจาก What Everyone Should Know About Facebook's Foray Into Cryptocurrency โดย Steven Ehrlich ซีอีโอของ Wall Street Blockchain Alliance องค์กรไม่แสวงหากำไรเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการใช้บล็อกเชนในวงการการเงิน

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ข่าวความเคลื่อนไหวจาก Facebook ชี้ให้เห็นว่าบริษัทนี้กำลังสร้างระบบสกุลเงินคริปโตที่จะสนับสนุนการใช้จ่าย และไม่เพียงแค่เปิดใช้ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ Facebook แต่รวมถึงองค์กรภายนอกด้วย

โครงการ Libra คือชื่อโครงการสร้างโซลูชันส์ระบบ “stablecoin” ของบริษัท ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการอ้างอิงราคาตายตัว โดยบริษัทใช้ชื่อเล่นของสกุลเงินนี้ว่า “GlobalCoin” ทั้งนี้ BBC รายงานว่า โทเคนสกุลนี้จะเริ่มเปิดตัวใน 12 ประเทศแรก ภายในไตรมาส 1 ปี 2020 ขณะที่สำนักข่าว The Information รายงานว่า Facebook กำลังจะเปิดตัว GlobalCoin ภายในเดือนนี้และเริ่มทดลองใช้ในการจ่ายเงินเดือนพนักงานของบริษัทก่อนเป็นอย่างแรก

และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ GlobalCoin ก่อนที่ผลิตภัณฑ์นี้ของ Facebook จะออกมาตีตลาด!

 

เงินคริปโต 'GlobalCoin' ต่างจาก Bitcoin

แม้ว่า GlobalCoin จะเป็นสกุลเงินคริปโต แต่มันมีสิ่งที่เหมือนกับ Bitcoin น้อยมาก โดยข้อแตกต่างใหญ่ๆ 2 ข้อ ได้แก่

1.GlobalCoin จะเป็น stablecoin ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลแบบใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากตลาดเงินคริปโตผันผวนสูงในหลายปีที่ผ่านมา stablecoin ส่วนใหญ่จะได้รับการรับรองมูลค่าด้วยสกุลเงินหลักที่มีในธนาคารปกติโดยใช้วิธีแปลงค่าโดยตรงแบบ 1:1 (ทำให้ผันผวนต่ำกว่ามาก)

GlobalCoin ไม่ใช่สกุลเงินแรกของระบบ stablecoin ตลาดนี้มีผู้เล่นอยู่แล้วโดยมีมูลค่าตลาดรวมกันมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้ใช้ที่ Facebook มี การเข้ามาของ GlobalCoin จะทำให้ตลาดเดิมเล็กไปถนัดตา

2.GlobalCoin จะมีการกำหนดระเบียบการเข้าถึงจากหน่วยงานรัฐ ต่างจาก เงินคริปโต Bitcoin หรือ Ether ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาต

Mark Zuckerberg และผู้บริหารหลายคนกำลังพูดคุยกับหน่วยงานควบคุมกำกับดูแลการเงินของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฯลฯ เพื่ออธิบายระบบนี้และรับทราบข้อกำหนดต่างๆ ดังนั้น หากเทียบเคียงผลิตภัณฑ์นี้กับระบบอื่น น่าจะคล้ายคลึงกับคอยน์ JPM Coin ของ J.P.Morgan, Signet ของ Signature Bank หรือโปรแกรม Blockchain World Wire ของ IBM

 

GlobalCoin ทำให้ Zuckerberg ได้คืนดีกับคู่แฝด Winklevoss

อย่างที่มีคนกล่าวไว้ว่าเวลาจะเยียวยาทุกอย่างหลังจากข้อพิพาทว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ให้กำเนิด Facebook ระหว่าง Mark Zuckerberg กับคู่แฝด Winklevoss เมื่อหลายปีก่อน ดูเป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองฝ่ายจะโคจรมาทำงานด้วยกันอีก อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับมาทำงานด้วยกันแล้วจริงๆ อย่างน่าประหลาดใจ จากความร่วมมือในโครงการ GlobalCoin

Cameron Winklevoss และ Tyler Winklevoss ร่วมงาน amfAR New York Gala 2019 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 (PHOTO CREDIT: Michael Loccisano/Wire Image/AFP )

ทำไม่น่ะหรือ? จากมุมมองของ Facebook พี่น้องคู่นี้กำลังบริหาร Gemini หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตที่เป็นระเบียบและปฏิบัติตามกฎหมายมากที่สุดในโลก ดังนั้นพวกเขาจึงมีสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่ Facebook จะนำมาใช้ได้

ส่วนมุมมองของ Gemini ด้วยขนาดตลาดผู้ใช้ของ Facebook แนวคิดในการนำ GlobalCoin มาเทรดบนแพลตฟอร์มของตัวเองย่อมปฏิเสธได้ยาก นอกจากนี้ Gemini กำลังอยู่ในช่วงสูญเสียตลาดให้กับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอื่นที่ใหญ่กว่า รวมถึง Gemini Dollar สกุลเงิน stablecoin ที่พวกเขาปลุกปั้นอยู่ก็ยังไม่สำเร็จเช่นกัน

 

GlobalCoin คือการเสี่ยงดวงครั้งสำคัญในแง่ภาพลักษณ์ทางสังคม

Facebook ทำกำไรได้ก็เพราะแพลตฟอร์มนี้สามารถดูดเอาดาต้า ภาพถ่าย ข้อมูล ฯลฯ มารวมศูนย์ในบริษัทและทำการจัดระบบอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อนำไปใช้สำหรับระบบโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม

โมเดลการทำงานแบบนี้เรียกว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโต ซึ่งเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการกระจายข้อมูลออกจากศูนย์กลาง การที่ Facebook พัฒนาสกุลเงินคริปโตจึงถูกจับตามองจากสาธารณชนอย่างกังขา

 

GlobalCoin จะเผชิญความลำบากในการทำกำไร

นักวิเคราะห์จาก Barclays รายงานบทวิเคราะห์เรื่องสกุลเงินคริปโตของ Facebook ที่เรียกความสนใจอย่างมาก รายงานนี้มองว่า GlobalCoin จะทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก 3 พันล้านเหรียญจนถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2021 นั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่ธุรกิจนี้จะทำรายได้ถึงครึ่งหนึ่งที่ Facebook ทำได้เมื่อปี 2017 

GlobalCoin เงินคริปโต ของ Facebook จะเข้ามาดิสรัปตัวกลางในการจ่ายเงินอย่าง Visa-Mastercard หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าบริษัทจะสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำจากโครงการนี้ได้อย่างไร จุดขายที่เป็นไปได้คือการชี้ให้เห็นว่า GlobalCoin จะทำให้ค่าธรรมเนียมแสนแพงที่ผู้ขายต้องจ่ายให้กับ Visa และ Mastercard หายไป

ในอีกมุมหนึ่ง เพื่อจะตีตลาดนี้ให้ได้ Facebook อาจจะต้องทุ่มเงินมหาศาลไปก่อนด้วยกลยุทธ์ตั้งราคาต่ำ (loss-leading strategy) เพื่อจูงใจพ่อค้าแม่ค้าให้มาใช้งาน หรือยอมได้รับกำไรเพียงน้อยนิดในระหว่างสร้างตลาด

นอกจากนี้ยังมีคำถามสำคัญ คือ บริษัทจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคที่จะทำลายรายได้เดิมของตัวเองไปได้อย่างไร เพราะ Facebook จะต้องหยุดการใช้งานดาต้าที่เก็บจากลูกค้า มิฉะนั้นจะเป็นการกระทำที่ขัดกับธรรมชาติของระบบเงินคริปโต และทำให้ลูกค้าหนีหาย

แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะ Mark Zuckerberg เองก็เคยถูกวิจารณ์เรื่องการผลักดันองค์กรให้มุ่งเน้นการทำงานบนมือถือเป็นหลักมาแล้ว เขาถูกติติงว่าการโฟกัสหน้าจอมือถือจะทำให้ปริมาณพื้นที่โฆษณาลดลง แต่บัดนี้ เขาได้พิสูจน์แล้วว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่มีวิสัยทัศน์ยิ่ง