Garmin เตรียมตั้งโรงงานแห่งแรกในไทยที่ชลบุรี รับเทรนด์รักสุขภาพโตต่อเนื่อง! - Forbes Thailand

Garmin เตรียมตั้งโรงงานแห่งแรกในไทยที่ชลบุรี รับเทรนด์รักสุขภาพโตต่อเนื่อง!

เทรนด์รักสุขภาพในไทยเติบโตต่อเนื่อง! Garmin เผยรายได้ในไทยครึ่งปีแรกเติบโตกว่า 35% ล่าสุดประกาศลงทุนครั้งสำคัญ เตรียมสร้างโรงงานแห่งแรกในไทยที่ จ.ชลบุรี รองรับการเติบโตของบริษัททั้งในระดับโลกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดเริ่มการผลิตได้ไตรมาส 4/2569


    มิสซี่ ยาง ผู้จัดการประจำ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “Garmin เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ GPS เพื่อการบินและยานยนต์ แล้วจึงพัฒนานำเทคโนโลยี GPS เข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คน จนเกิดเป็นนาฬิกาออกกำลังกาย GPS เรือนแรกของโลก และขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมกลางแจ้ง ฟิตเนส และสุขภาพ เพื่อครอบคลุมไลฟ์สไตล์และสุขภาพของผู้คนให้ได้มากยิ่งขึ้น เราเชื่อว่าความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตลอด 36 ปีที่ผ่านมานี้เองที่ทำให้ Garmin ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลกและก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาด โดยภาพรวมรายได้ครึ่งปีแรกนี้ของ Garmin เติบโตทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยรายได้ 3.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.09 แสนล้านบาท โตกว่า 16%


    “สำหรับประเทศไทย เป็นเวลาเกือบ 5 ปีนับตั้งแต่ที่ Garmin ได้เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เราได้รับความเชื่อมั่นและกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทยมาโดยตลอด โดยในครึ่งปีแรกของปี 2568 Garmin ประเทศไทยมีรายได้เติบโตกว่า 35%

    “นอกจากนี้ จากข้อมูลผู้ใช้บน Garmin Connect ยังพบว่า คนไทยทำกิจกรรมการฝึกความแข็งแรง (Strength Training) เพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยมีสถิติการทำกิจกรรมเติบโตถึง 40% รองลงมาเป็นกิจกรรมคาดิโอในร่ม (Indoor Cardio) อย่าง พิลาทิส HIIT เติบโตมากกว่า 15% สะท้อนให้เห็นถึงกระแสสุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องในประเทศไทย

    “เพื่อตอบกระแสสุขภาพและรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต Garmin จึงตัดสินใจที่จะขยายฐานการผลิต ตั้งโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่จังหวัดชลบุรี โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเดินสายการผลิตได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 เพื่อรองรับการเติบโตของ Garmin ทั้งในระดับโลกและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”



    มิสซี่ ยาง กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน Garmin มีฐานการผลิตใน 11 ประเทศทั่วโลก เช่น เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ไต้หวัน การเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งโรงงานเนื่องจากมองว่าทำเลของประเทศไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียและทั่วโลกได้

    สำหรับโรงงานแห่งนี้ รูปแบบเป็นอาคาร 4 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่รวมกว่า 23 ไร่ พัฒนาภายใต้มาตรฐานด้านการจัดการพลังงานในระดับสากล (ISO 50001) ด้วยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานอย่างระบบโซลาเซลล์ โดยจะผลิตสินค้าทุกโปรดักต์ของ Garmin แต่จะผลิตโปรดักต์ไหนมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับดีมานด์ของตลาด ส่วนในเฟสแรกจะเริ่มที่งาน OEM ชิ้นส่วนยานยนต์

    อย่างไรก็ตาม Garmin ไม่ขอเปิดเผยงบประมาณการลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้

    ศุภรดา จรูญโรจน์ รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “กระแสสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนไทยให้ความสนใจกับ ‘Longevity’ กันมากขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของประเทศไทย โดย Longevity ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการมีชีวิตยืนยาว (Lifespan) เท่านั้น แต่ต้องควบคู่มากับคุณภาพของทั้งร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรงด้วย

    “ข้อมูลจากบทความของ Harvard Health Publishing ระบุว่าพันธุกรรมมีอิทธิพลต่ออายุขัยของมนุษย์เพียงประมาณ 25% ส่วนที่เหลืออีกกว่า 75% มาจากวิถีชีวิต และการดูแลสุขภาพของตัวเอง เทคโนโลยีสมาร์ทวอทช์จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในการติดตามสถานะสุขภาพเพื่อให้ผู้ใช้รู้เท่าทันร่างกายของตนเอง

    “แต่สำหรับ Garmin เราเชื่อว่าสมาร์ทวอทช์เป็นได้มากกว่านั้น นำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้สมาร์ทวอทช์ของเราไปไกลกว่าการติดตามข้อมูล สู่การนำเสนออินไซด์เฉพาะบุคคล รวมถึงคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการปรับปรุงพฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนตามเป้าหมายสุขภาพและข้อมูลจริงของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ เสมือนมีโค้ชดูแลสุขภาพส่วนตัว ช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตให้กับผู้ใช้ในทุกๆ วัน (Technology That Empowers Life)”

    ทั้งนี้ ในปี 2564 Garmin ได้เปิดตัว Sleep Score ฟีเจอร์ให้คะแนนคุณภาพการนอน นับเป็นก้าวแรกของการวัดคุณภาพการนอนผ่านข้อมูลเชิงลึกต่างๆ และพัฒนาต่อเนื่องสู่การเปิดตัว Sleep Coach ในปี 2566 ซึ่งเปลี่ยนจากการติดตามข้อมูลการนอนเพียงอย่างเดียว ให้สามารถให้คำแนะนำเชิงรุกเฉพาะบุคคล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น

    ล่าสุดกับ Venu 4 Garmin ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Sleep Alignment ที่สามารถวิเคราะห์รูปแบบการนอนของผู้ใช้ว่าสอดคล้องกับ Circadian Rhythm หรือจังหวะชีวภาพตามธรรมชาติของร่างกายมากน้อยเพียงใด ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับเวลานอนและกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขภาพการนอนที่ดียิ่งขึ้นได้

    นอกจากการนอน Garmin ยังพัฒนาฟีเจอร์ที่ช่วยให้คำแนะนำด้านการออกกำลังกายด้วย ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Daily Suggested Workouts ที่จะแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกายของผู้ใช้แบบรายวัน ฟีเจอร์ Lifestyle Logging ให้ผู้ใช้บันทึกพฤติกรรมประจำวัน อาทิ การดื่มกาแฟ ดื่มแอลกอฮอลล์ การทำสมาธิ และการออกกำลังกาย เพื่อดูว่าพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อการนอน ระดับความเครียด และสุขภาพโดยรวมอย่างไร ทำให้ผู้ใช้เข้าใจร่างกายตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้

    “นอกเหนือจากการเป็นโค้ชดูแลสุขภาพส่วนตัว Garmin ยังพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถช่วยเพิ่มการรับรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) ให้กับผู้ใช้งานได้ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างการผจญภัย ด้วยคอนเซ็ปต์นวัตกรรมช่วยปกป้อง (Innovation That Protects) พัฒนาผลิตภัณฑ์ผสานเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวได้ในทุกพื้นที่ ตลอดจนได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน แม้แต่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็ตาม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ Garmin เป็นเสมือนคู่หูที่ช่วยให้ผู้ใช้อุ่นใจในทุกทริปการผจญภัย” ศุภรดา กล่าว

    โดยระบบนิเวศการเชื่อมต่อ (Connected Ecosystem) ของ Garmin ประกอบด้วย เทคโนโลยี inReach เทคโนโลยีสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ แชร์ตำแหน่ง ตลอดจนขอความช่วยเหลือได้ในทุกพื้นที่ทั่วโลก แม้ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์


    โดยทำงานร่วมกับฟังก์ชัน SOS และศูนย์ประสานงานฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Garmin Response Center) ที่จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ใช้งานและรายชื่อผู้ติดต่อฉุกเฉินที่ตั้งไว้ รวมถึงติดต่อกับหน่วยค้นหาและหน่วยกู้ภัย ตลอดจนหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมอัพเดทข้อมูลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถรองรับผู้ใช้งานกว่า 200 ภาษา และผ่านการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินจากเทคโนโลยี inReach แล้วกว่า 17,000 ครั้งในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

    นอกจากนี้ Garmin ยังขยายนวัตกรรมช่วยปกป้องครอบคลุมไปถึงการผจญภัยใต้น้ำ ด้วยทุ่นอัจฉริยะ Descent S1 ซึ่งจะช่วยให้สามารถสื่อสารและนำทางแบบเรียลไทม์ระหว่างนักดำน้ำและทีมงานบนผิวน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับความคล่องตัว เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยระหว่างการดำน้ำ

    “เทคโนโลยียกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตที่อัพเดทใหม่ในปีนี้อย่างฟีเจอร์ Garmin Fitness Coach / Sleep Alignment และ Lifestyle Logging ได้นำร่องให้แฟนการ์มินใช้เป็นครั้งแรกในรุ่น Venu 4 ด้านนวัตกรรมช่วยปกป้องได้นำเสนอในผลิตภัณฑ์ดำน้ำที่เปิดตัวในปีนี้อย่าง Descent S1 ส่วนเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS ได้บรรจุในสมาร์ทวอทช์เป็นครั้งแรกใน fēnix 8 Pro Series


    “นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เราภาคภูมิใจ นั่นคือการบูรณาการหน้าจอ MicroLED มาใช้ในสมาร์ทวอทช์เป็นครั้งแรกของโลกในรุ่น fēnix 8 – MicroLED และ fēnix 8 Pro – MicroLED นับเป็นจอสมาร์ทวอทช์ที่สว่างที่สุดที่เคยมีมา ให้มุมมองภาพกว้างยิ่งขึ้น จึงอ่านข้อมูลได้ง่ายแม้อยู่กลางแดดจ้า ทั้งยังทนทานขึ้นถึง 3 เท่าอีกด้วย

    “แม้ว่าในปีนี้ Garmin Thailand จะวางจำหน่าย fēnix 8 – MicroLED เพียงรุ่นเดียวในซีรีส์นี้ แต่การ์มินจะยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอและทำงานร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแลในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS สำหรับสมาร์ทวอทช์ให้ผู้ใช้งานชาวไทยสามารถใช้งานได้ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน” ศุภรดา กล่าวเพิ่มเติม

    มิสซี่ กล่าวปิดท้ายว่า Garmin จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต การรับรู้สถานการณ์ การเชื่อมต่อ และประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้คนในทุกมิติ เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากผู้บริโภค และเพื่อเดินหน้าสู่การเป็นแบรนด์ที่ผู้คนไว้วางใจและเลือกอยู่เคียงข้างในทุกกิจกรรม ทุกการผจญภัย และทุกช่วงเวลาของชีวิต



ภาพ: กนกวรรณ มากเมฆ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Jeff Bezos บอกเอง! AI กำลังอยู่ในภาวะ ‘ฟองสบู่’ แต่จะสร้างประโยชน์มหาศาลต่อมนุษยชาติ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine