Facebook อัปเดตนโยบายการจัดเก็บวิดีโอถ่ายทอดสด (Facebook Live) ใหม่ล่าสุด โดยจะสามารถเล่นซ้ำ ดาวน์โหลด หรือแชร์จากเพจหรือโปรไฟล์ได้เป็นเวลา 30 วัน หลังจากนั้นจะถูกลบออกจากแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ ซึ่งทาง Facebook จะเริ่มทยอยส่งแจ้งเตือนให้เจ้าของวิดีโอทราบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป
ผู้คนทั่วโลกใช้ Facebook Live เพื่อแบ่งปันประสบการณ์กับชุมชนของตนแบบเรียลไทม์ Meta สังเกตเห็นว่าผู้ใช้มักจะรับชมวิดีโอถ่ายทอดสดกันภายในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการแพร่ภาพ จึงพิจารณาที่จะอัปเดตระยะเวลาในการจัดเก็บวิดีโอถ่ายทอดสดบน Facebook
ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นไป วิดีโอถ่ายทอดสดรายการใหม่ทุกรายการจะสามารถเล่นซ้ำ ดาวน์โหลด หรือแชร์จากเพจหรือโปรไฟล์บน Facebook ได้เป็นเวลา 30 วัน หลังจากนั้นจะถูกลบออกจาก Facebook โดยอัตโนมัติ ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่ระบบจะจัดเก็บวิดีโอเหล่านี้ไว้อย่างไม่มีกำหนด
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นไปตามนโยบายเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลที่สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรม และช่วยให้แน่ใจว่า Meta ได้มอบประสบการณ์การรับชมวิดีโอถ่ายทอดสดที่เป็นปัจจุบันที่สุดให้แก่ผู้ชมทุกคนบน Facebook
ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ วิดีโอถ่ายทอดสดทุกรายการที่แพร่ภาพก่อนวันที่ 19 กุมภาพันธ์จะถูกลบออก และผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าชมวิดีโอดังกล่าวได้อีกต่อไป โดย Facebook จะเริ่มทยอยส่งการแจ้งเตือนให้เจ้าของวิดีโอถ่ายทอดสดดังกล่าวทราบตั้งแต่ช่วงเดือนนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ Facebook จะนำเสนอเครื่องมือใหม่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสดของตนได้ก่อนที่ทางแอปพลิเคชั่นจะทยอยลบออก เมื่อได้รับการแจ้งเตือนแล้ว ผู้ใช้จะมีเวลา 90 วันในการเลือกว่าจะทำอย่างไรกับเนื้อหาถ่ายทอดสดเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นดาวน์โหลดไปยังอุปกรณ์ของตนเอง ถ่ายโอนไปยังพื้นที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ หรือแปลงเป็นคลิป Reels ใหม่
สำหรับวิธีดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสด Facebook ได้เปิดตัวเครื่องมือดาวน์โหลดที่หลากหลายให้ผู้ใช้สามารถเก็บวิดีโอของตัวเองไว้ได้อย่างไม่มีกำหนดเวลา เพื่อให้บันทึกวิดีโอถ่ายทอดสดที่แชร์ไว้ก่อนหน้านี้ได้ง่ายขึ้น ดังนี้

การดาวน์โหลดทีละรายการ
1. ดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสดทีละรายการจากโปรไฟล์ เพจ หรือ Meta Business Suite
2. ไปที่แท็บ ‘วิดีโอ’ บนโปรไฟล์หรือเพจจากอุปกรณ์ของคุณ หากคุณใช้งานเพจจากบนเว็บ ให้ไปที่แท็บ ‘ถ่ายทอดสด’ โดยคุณอาจต้องคลิก ‘เพิ่มเติม’ เพื่อให้เห็นแท็บนี้
3. เลือกวิดีโอที่คุณต้องการดาวน์โหลด
4. เปิดมุมมองแบบเต็มหน้าจอ จากนั้นคลิก [...] แล้วเลือก ‘ดาวน์โหลดวิดีโอ’
5. คุณสามารถดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสดตั้งแต่หนึ่งรายการขึ้นไปจากบันทึกกิจกรรมของเพจหรือโปรไฟล์ของคุณได้ หากต้องการดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสด ให้เลือก ‘วิดีโอถ่ายทอดสดของคุณ’ จากนั้นเลือกช่วงวันที่เพื่อดูวิดีโอที่สามารถดาวน์โหลดได้

การดาวน์โหลดครั้งละหลายรายการ
1. แตะที่การแจ้งเตือนบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดาวน์โหลด
2. แตะ ‘ดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสด’
3. เลือกปลายทาง (คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์) ของการดาวน์โหลดและช่วงวันที่ของวิดีโอถ่ายทอดสด
4. แตะ ‘สร้างไฟล์’

ถ่ายโอนวิดีโอถ่ายทอดสด
1. แตะที่การแจ้งเตือนบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดาวน์โหลด
2. แตะ ‘ถ่ายโอนวิดีโอถ่ายทอดสด’
3. แตะ ‘สถานที่’ เพื่อเลือกปลายทางที่จะถ่ายโอนไป
4. เลือกผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ที่คุณลิงก์ไว้ (เช่น Dropbox หรือ Google Drive)
5. แตะ ‘บันทึก’
แปลงวิดีโอถ่ายทอดสดเป็นคลิป Reels
หากต้องการเก็บช่วงเวลาที่ชื่นชอบจากวิดีโอถ่ายทอดสดบนเพจให้คงอยู่เป็นเวลานานกว่า 30 วัน ผู้ใช้สามารถตัดช่วงเวลาสั้นๆ จากวิดีโอถ่ายทอดสดที่ต้องการแล้วแชร์เป็นคลิป Reels บน Facebook ได้ โดยคลิปนั้นจะไปอยู่ที่หน้าโปรไฟล์ให้เพื่อนๆ ครอบครัว และชุมชนรับชมได้อย่างเพลิดเพลิน
ถ้าต้องการเวลาเพิ่ม สามารถเลื่อนเวลาการลบออกไปได้ด้อีก 6 เดือน แต่หากผู้ใช้ไม่เลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว วิดีโอถ่ายทอดสดเก่าๆ ของผู้ใช้จะถูกลบออกและจะไม่สามารถเข้าชมได้อีกต่อไป
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดาวน์โหลดวิดีโอถ่ายทอดสด และสร้างคลิป Reels จากวิดีโอการแพร่ภาพสดเก่าๆ ได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือของ Facebook
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Meta แชร์ 5 เทรนด์โซเชียลปี 2025 ที่ธุรกิจไทยยุคใหม่ไม่ควรพลาด AI ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine