'Bitkub' แตกธุรกิจลุยเทรด Crypto หวังขึ้นเบอร์ 1 Digital trading Platform ในไทยปี 62 - Forbes Thailand

'Bitkub' แตกธุรกิจลุยเทรด Crypto หวังขึ้นเบอร์ 1 Digital trading Platform ในไทยปี 62

Bitkub ตั้งเป้าเบอร์ 1 Digital trading Platform ลุยเทรดสกุลงินดิจิทัล 6 สกุลเงิน ลุ้นกลางปี 62 ยอดเทรดทะลุ 300 ล้านบาทต่อวัน เล็งเปิดสกุลเงินตัวเองในชื่อ KUB กลางปีหน้า

การซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล หรือ Cryptocurrency ในไทยกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนรายย่อย หลังมีกฏหมายเฉพาะออกมารองรับทั้งในส่วนของ Cryptocurrency และ Blockchain อย่างถูกต้อง ขณะที่ภาคเอกชนเริ่มมองเห็นศักยภาพและโอกาสที่เปิดกว้างในการทำธุรกิจ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เว็บไซต์เทรด Crypto สัญชาติไทยภายใต้ชื่อ Bitkub กล่าวว่า ปัจจุบันวงการ Cryptocurrency ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนรายย่อยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคเอกชน หลังภาครัฐได้ออกกฏหมายกำกับดูแลโดยเฉพาะ บริษัทเล็งเห็นโอกาสของธุรกิจนี้เปิดกว้างขึ้น จึงแตก 4 ธุรกิจใหม่ เพื่อสนับสนุนการเป็นแพลตฟอร์มเทรดดิ้งสกุลเงินดิจิทัลที่ครบวงจร โดยตั้งเป้าเป็น Digital trading Platform อันดับ 1 ของไทยในปี 2562 สำหรับโครงสร้าง 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจบริการซื้อขายแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ดำเนินการโดยบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ Bitkub.com 2.กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาด้าน ICO รวมถึงการพัฒนาและออกแบบบล็อคเชนให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ดำเนินโดย บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด 3.ไทย บล็อคเชน ฮับ (Thai Blockchain Hub) กลุ่มธุรกิจการศึกษาด้านบล็อคเชน เน้นการสร้างองค์ ความรู้ที่เป็นองค์รวมของการออกแบบและพัฒนาบล็อคเชนเพื่อรองรับกับ Application ที่จะเกิด ขึ้นบน platform ของบล็อคเชนซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตอันใกล้ และ 4.กลุ่มธุรกิจลงทุน ซึ่งจะเลือกลงทุนในบริษัท startup ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน ทรัพย์สินดิจิทัลที่มีโอกาสเติบโตสูง จิรายุส  กล่าวว่า ภายใต้โครงสร้างทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว จะทำให้บริการของบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง สามารถช่วยภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ สามารถก้าวผ่านวิกฤตพลวัตไปได้ ทั้งนี้เพราะในโลกอนาคตอันใกล้ ทรัพย์สินที่มีอยู่บนโลกจะถูกนำมาแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนในรูปของ Digital Asset Exchange Platform ซึ่งจะนำไปสู่การทำ ICO (Initial Coin Offering) รวมไปถึงการปรับปรุงการบริหารองค์กรต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีด้านบล็อคเชนเป็นพื้นฐาน “อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด ที่เราเชื่อมั่นว่าจะต้องเร่งทำให้เร็ว คือ การให้องค์ความรู้ เราจึงตั้งบิทคับ บล็อคเชน อาคาเดมี่ เพื่อสร้างชุมชนผู้ใช้บล็อคเชนอย่างแท้จริง และเมื่อชุมชนแข็งแรง มีกิจกรรมและ ธุรกรรม เราเล็งเห็นโอกาสจึงตั้งบิทคับ แคปิตอล เพื่อให้โอกาสแก่กลุ่มคนที่มีความคิดดีๆ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง” จิรายุส กล่าว
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
ด้าน อรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเป็น 1 ใน 7 ของแพลตฟอร์มเทรดเงินดิจิทัลในไทยที่มียอดการเทรดเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 2 โดยมียอดเทรดเงินสกุลดิจิทัลต่อวันมากกว่า 50 ล้านบาท มีจำนวนนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาเทรดภายในเว็บไซต์มากกว่า 20,000 ราย ขณะที่นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทมา มียอดรวมเทรด Crypto มากถึง 2 พันล้านบาท ทั้งนี้  บริษัทตั้งเป้าว่า ภายในกลางปี 2562 บริษัทจะมียอดเทรด Crypto ต่อวันมากกว่า 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทได้ขยายการเทรดสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 6 สกุลเงิน และมีแผนที่จะขยายเพิ่มมากกว่า 20 สกุลเงินดิจิทัลในอนาคต พร้อมกับอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองในชื่อ KUB ที่คาดว่าจะสามารถเทรดได้ไม่เกินปี 2562 "ปัจจุบันนักลงทุุนสามารถซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล Bitcoin, Ethereum, WanCoin, Cardano, OmiseGO, และ Bitcoin Cash โดยเราจะมีการเพิ่มชนิดของเหรียญที่ทำการซื้อขายเข้ามาในระบบของเราทุก 2-3สัปดาห์ ภายใต้การควบคุมและดำเนินการอย่างเข้มงวด ซึ่งในอนาคตคาดว่าในเว็บจะมีเงินสกุลดิจิทัลเทรดมากกว่า 20 สกุลเงิน" จิรายุส กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน บริษัท บิทคับ แคปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เป็นเหมือนสะพานเชื่อมช่องว่างขององค์ความรู้ระหว่างบริการบล็อกเชนกับธุรกิจที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี โดยบริษัทจะสร้างสรรค์ระบบเชื่อมต่อระหว่างกลุ่มต่างๆ ได้แก่นักลงทุนรายย่อยและหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการลงทุน รวมไปถึงองค์กรที่ต้องการสร้างบล็อกเชนของตัวเอง เรานำเสนอเครื่องมือแบบองค์รวมที่เข้าถึงโซลูชั่นที่เชื่อมต่อการซื้อขาย cryptocurrency และการสร้างรวมไปถึงการให้คำปรึกษาด้านบริการบล็อคเชน บริษัท บล็อคเชน แคปิตอล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ได้รับการลงทุนในรอบแรก (seed investment) เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2561 ด้วยมูลค่าบริษัทที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าบริษัท 525 ล้านบาท จากนั้นได้เปิดตัว บริษัท บิทคับ แคปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด และเปิดแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตภายใต้ชื่อบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในเดือนมีนาคม และในเดือนเมษายนได้จัดตั้งบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เพื่อให้บริการวางระบบบล็อคเชนพร้อมคำปรึกษาให้แก่หน่วยงานต่างๆ จิรายุส กล่าวด้วยว่า ในสภาพการทำธุรกิจปัจจุบันอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากยุค 4.0 ไปเป็น 5.0 ทำให้สังคมในทุกภาคส่วนจะต้องตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและหากองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงรอบนี้ จะต้องถูกทอดทิ้ง ซึ่งภาวะดังกล่าว ถือเป็นวิกฤติพลวัตคือวิกฤติอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่องค์กรบางองค์กรไม่สามารถก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงไปได้ “ผมอยากจะยกตัวอย่างเทียบเคียงกับวิกฤติพลวัตที่เราเห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว อย่างกรณีธุรกิจฟิลม์ ถ่ายภาพหรือแม้แต่ธุรกิจมือถือที่เคยครองความเป็นเจ้าตลาดของโลกและถูกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว มากเข้ามาทำให้ธุรกิจเดินต่อไม่ได้ ซึ่งถามว่า หน่วยงานเหล่านี้ รู้ไหมว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น คำตอบคือรู้ครับ แต่วิ่งตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดวิกฤติธุรกิจอย่างที่เราได้ทราบกัน นี่เป็นตัวอย่างของวิกฤติพลวัตที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย หากเราไม่ตื่นรู้กับการ เปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที” จิรายุส กล่าว