ใครๆ ต่างก็รู้ว่า Bill Gates เชื่อมั่นในพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างมาก โดยเขาทำนายว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะปฏิรูปวิถีชีวิตของทุกคนภายใน 5 ปีจากนี้
การที่ AI เข้ามามีบทบาทจุดชนวนความกลัวว่า เทคโนโลยีนี้จะแย่งชิงงานไปจากผู้คนนับล้านทั่วโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ออกมาพูดเมื่อต้นปีนี้ว่า 40% ของงานทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจาก AI
Gates ไม่เชิงว่าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวนั้นเสียทีเดียว แต่เขาเชื่อว่าจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เมื่อกำเนิดเทคโนโลยีใหม่ ย่อมมีความกลัวเป็นเรื่องปกติ จากนั้นจึงตามมาด้วยโอกาสใหม่ๆ
“ก็เหมือนกับเทคโนโลยีด้านการผลิตทางการเกษตรในปี 1900 ผู้คนต่างพูดว่า ‘อ้าว แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อล่ะ?’ อันที่จริงก็มีสิ่งใหม่ๆ งานหมวดหมู่ใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะแยะ และชีวิตเราก็ดีขึ้นกว่าตอนที่ทุกคนต้องลงแรงทำฟาร์มเองมาก” Gates อธิบาย “ครั้งนี้ก็จะเป็นเหมือนกัน”
ในการสัมภาษณ์กับ Fareed Zakaria จาก CNN เมื่อเดือนมกราคม 2024 ที่ผ่านมา Gates ทำนายว่าปัญญาประดิษฐ์จะทำให้ชีวิตของทุกคนเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยจำเพาะเจาะจงลงไปยังการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ทำเอกสารต่างๆ ซึ่งเป็น “งานที่พวกเขาไม่ชอบ และเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพตรงส่วนนั้นได้”
เพราะไม่จำเป็นต้องมี “ฮาร์ดแวร์ใหม่มากนัก” Gates กล่าวว่าการเข้าถึง AI จะทำได้ผ่าน “โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ที่คุณมีกันอยู่แล้ว โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่พวกคุณก็มีแล้วเช่นกัน”
เขายังเผยว่าการพัฒนา ChatGPT-4 ของบริษัท OpenAI เป็นเรื่อง “ยิ่งใหญ่” เพราะมันสามารถ “อ่านและเขียนได้จริงๆ” ดังนั้นจึงคล้ายกับการมี “พนักงานที่ชาญฉลาดคอยกวดขัน ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ ช่วยเขียนโค้ด ช่วยเหลือปัญหาทางเทคนิคผ่านโทรศัพท์” พร้อมชี้ว่าการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาในแวดวงการศึกษาและการแพทย์จะเป็นเรื่อง “ยอดเยี่ยม”
ทั้งนี้ Microsoft มีสัญญาพาร์ทเนอร์มูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ กับ OpenAI โดย Gates ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน
“เป้าหมายของ Gates Foundation คือสร้างความมั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้จะเอื้อประโยชน์แก่ประเทศที่ยากจนได้เร็วไม่แพ้ประเทศที่ร่ำรวย” Gates บอกกับ Zakaria ที่งานประชุมสภาเศรษฐกิจโลก ณ ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “เพราะไม่ว่าอย่างไร สถานการณ์ขาดแคลนแพทย์และครูในแอฟริกาก็รุนแรงกว่าในประเทศตะวันตกมาก”
ทั้งนี้ทั้งนั้น รายงานของ IMF ไม่ได้มองในเชิงบวกเท่า Gates โดยมีการกล่าวว่า AI จะยิ่งย้ำแผลความเหลื่อมล้ำ แม้ไม่มีนักการเมืองเข้าไปแทรกแซงก็ตาม
ส่งต่อความมั่งคั่ง
Gates มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.4 แสนล้านเหรียญ ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกจากดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg ในเดือนมกราคม อย่างไรก็ตามเขาอาจจะยังเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้หากไม่ยึดมั่นกับการอุทิศเงินทั้งหมดเพื่อการกุศล
Gates บอกกับ CNN ว่าเขาไม่ได้กังวลเรื่องที่ต้องสูญเสียความมั่งคั่งไปเลย
“ผมมีเงินมากเกินพอเลยล่ะสำหรับใช้จ่ายส่วนตัว” Gates กล่าวเมื่อถูกถามในประเด็นว่าด้วยเรื่องการทำการกุศล “ผมจะพาตัวเองออกจากทำเนียบมหาเศรษฐี และจะภูมิใจกับการร่วงหล่นลงมาด้วยประการทั้งปวง”
ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft พร้อมด้วยอดีตภรรยาของเขา Melinda French Gates ต่างให้คำมั่นว่าจะแบ่งปันความมั่งคั่งส่วนใหญ่ที่ตัวเองมีแก่มูลนิธิที่ทั้งสองร่วมกันก่อตั้งเมื่อ 20 ปีก่อน รวมถึงการทำการกุศลทางอื่นด้วย
ในปี 2022 มหาเศรษฐีแห่ง Microsoft ผู้นี้เคยประกาศเจตจำนงของมูลนิธิในการบริจาคเงิน 9 พันล้านเหรียญเป็นประจำทุกปีก่อนปี 2026 เขาเผยความรู้สึกตื่นเต้นว่าการกระทำนี้จะ “สร้างผลกระทบมหาศาล” แก่องค์กรต่างๆ ที่ได้รับเงินไป
เขายังบอกด้วยว่า ตัวเขาเองและเพื่อนสนิทอย่าง Warren Buffett ต่างมอบเงินแก่มูลนิธิของเขาไปแล้วราว 1 แสนล้านเหรียญ หากจะบริจาคเงินออกไปปีละ 9 พันล้านเหรียญ Gates คาดว่าเงินบริจาคที่มีจะหมดลงในอีกประมาณ 20 ปี
แปลและเรียบเรียงจาก Bill Gates explains how AI will change our lives in 5 years
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ให้พลังบวกเยียวยา! 3 วิธีพิชิต “ภาวะหมดไฟ” เมื่อจิตใจไม่ไหวแต่ชีวิตยังต้องไปต่อ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine