"AWS Build" ช่วยสตาร์ทอัพริเริ่มก้าวสู่ความเป็นจริง - Forbes Thailand

"AWS Build" ช่วยสตาร์ทอัพริเริ่มก้าวสู่ความเป็นจริง

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Aug 2023 | 07:00 AM
READ 1011

อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services, Inc.: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. (NASDAQ: AMZN) ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรมใหม่ AWS Build ซึ่งเป็นโปรแกรมระดับโลก ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในระยะเริ่มต้น เพื่อสร้างสรรค์ พัฒนา ไปจนถึงเปิดตัวนวัตกรรมแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ตลอดระยะเวลา 10 สัปดาห์ กลุ่มสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโปรแกรมจำนวนรวม 500 แห่งจากทั่วโลก จะได้รับคำแนะนำในด้านธุรกิจและเทคโนโลยี เพื่อใช้เทคโนโลยีของ AWS ซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขนาดได้อย่างง่ายดายเพื่อนำไปต่อยอดในการสร้าง MVP (Minimum Viable Product) 


นอกจากนี้ สตาร์ทอัพยังจะได้เรียนรู้ข้อมูลทางเทคนิคเชิงลึกด้านเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล(Analytics) และการทำงานแบบไม่ต้องจองเซิร์ฟเวอร์ (Serverless) ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) โปรแกรมนี้จะช่วยให้ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทั้งด้านการพัฒนาสินค้า การสร้างรายได้จากแนวคิดใหม่ๆ การค้นหาและทดลองกับลูกค้ากลุ่มแรก (Beta Customers) และองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ เพื่อความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ โปรแกรมนี้เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 22 กันยายน 2566 สามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรม AWS Build ได้ที่ https://aws.amazon.com/startups/accelerators/build

ฮาวาร์ด ไรท์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายสตาร์ทอัพทั่วโลกของ AWS กล่าวว่า “โปรแกรม AWS Build ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้น เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาความคิดให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมได้ เรามีจุดมุ่งหมายที่จะนำพากลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ที่กำลังใช้ศักยภาพของ AWS cloud ในรูปแบบใหม่ ๆ และช่วยให้พวกเขาเริ่มต้นบนพื้นฐานที่ถูกต้องและพร้อมที่จะขยายตัวต่อไป”

หลักสูตร AWS Build จะถูกสอนในรูปแบบออนไลน์และสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ตามความสะดวกของแต่ละบุคคล โดยจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนผ่านช่องทางออนไลน์ในแต่ละสัปดาห์ รวมไปถึงการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมและการแก้ปัญหา (Solutions Architect) ของ AWS ที่จะให้คำแนะนำด้านเทคนิคและ “Ask Me Anything Session” ที่จะให้คำแนะนำด้านธุรกิจจากนักลงทุนและผู้นำในอุตสาหกรรม และกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนร่วมโปรแกรมท่านอื่น โปรแกรมนี้จะเริ่มต้นในวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ไปจนถึง 15 ธันวาคม 2566 และจะทำการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์จากโปรแกรม AWS Build มากที่สุด สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมควรมีต้นแบบ (Working Prototype) และหัวหน้าฝ่ายเทคนิคที่พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

อแมนด้า เฮอร์สัน พาร์ทเนอร์บริษัท Founder Collective ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดใน Forbes Midas List กล่าวว่า “การอ่านแนวทางเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระยะเริ่มต้น เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างธุรกิจที่จะเติบโตได้ในอนาคต โปรแกรม AWS Build จะช่วยให้ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพสามารถเติมเต็มศักยภาพตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยความเชี่ยวชาญจาก AWS เพื่อนำ MVP ที่มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าเข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนเช่นพวกเรา”

ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมจะได้รับ AWS เครดิต มูลค่าสูงสุด 2,000 เหรียญสหรัฐในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการบนคลาวด์ สตาร์ทอัพจากทั่วโลกสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้โดยผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่เคยสมัครเข้าร่วมโปรแกรมสำหรับสตาร์ทอัพอื่น ๆ ของ AWS แต่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น จะถูกเชิญให้เข้าร่วมโปรแกรม AWS Build โดยอัตโนมัติ หลังจากจบโปรแกรมผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพจะได้รับการเชิญเข้าร่วม AWS Build Community ซึ่งเป็นเครือข่ายรวมตัวผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพและผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคทั่วโลก เพื่อให้สามารถแบ่งปันข้อมูล ให้คำแนะนำ เมื่อพวกเขาขยายขนาดธุรกิจต่อไป

ในการสมัครเข้าร่วมโปรแกรม AWS Build ผู้สมัครจะต้องเข้าร่วม AWS Activate ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ AWS ให้สตาร์ทอัพได้เข้าถึงและสามารถศึกษาข้อมูลทางด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในหัวข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุน คำแนะนำด้านกฎหมาย ข้อมูลทางเทคนิคเชิงลึกด้าน Solutions Architecture ไปจนถึงหัวข้อที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น Generative AI นอกจากนี้ ผู้สมัครยังสามารถสมัครรับเครดิตเพิ่มเติมจำนวนสูงสุดถึง 100,000 เหรียญสหรัฐในการใช้คลาวด์ในอนาคต พร้อมกับสิทธิพิเศษต่างๆ จากพาร์ทเนอร์ผ่านโปรแกรม AWS Activate ได้


อ่านเพิ่มเติม : "เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท" เตรียมออกหุ้นกู้ อายุ 3 ปี คาดเสนอขายตุลาคมนี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine