iPhone 8 จะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมของ Apple ในปีนี้ ด้วยดีไซน์ใหม่เอี่ยม ฟีเจอร์ใหม่ที่ไล่ตามทันคู่แข่ง และราคาสูงลิ่วเกินคาด ข้อมูลใหม่ครั้งนี้อาจชี้ให้เห็นว่า iPhone ที่แพงที่สุดของ Apple คุ้มค่าเงินที่เสียไป
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI Securities ที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งข่าว Apple ที่น่าเชื่อถือที่สุดบนดาวเคราะห์โลก ล่าสุดเขาเปิดเผยว่า iPhone 8 กำลังวิ่งทะลุขีดจำกัดด้วยฟังก์ชันสำคัญที่ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากขนาดแบตเตอรี่และรูปทรงที่กะทัดรัดมากยิ่งขึ้น มีรายละเอียดดังนี้
1.แบตเตอรีทนทายาด
Kuo กล่าวว่า Apple จะใส่แบตเตอรี่ขนาด 2,700 mAh ลงใน iPhone 8 ซึ่งจะมีความจุมากขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับ iPhone 7 ที่มีแบตฯ ขนาด 1,960 mAh และ Kuo บอกว่า Apple จะบีบอัดแบตฯ นี้ลงไปในตัวเครื่องด้วยการใช้ “การออกแบบแผงวงจรซ้อนทับกันหลายชั้นมูลค่าสูง” โดยการซ้อนทับแผงวงจรนี้จะทำให้ iPhone มีพื้นที่ว่างเหลือกว่าครึ่งหนึ่งเพื่อใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่แทนที่จุดที่เคยเป็นแผงวงจร
แม้แบตเตอรี่มือถือจากค่ายคู่แข่งอย่าง Galaxy S7 (ขนาด 3,000 mAh) ที่มีขนาดใหญ่กว่าก็จริงแต่ด้วยระบบปฎิบัติการ iOS มีส่วนสำคัญในการลดการใช้งานแบตเตอรี่อย่าง iPhone 7 Plus ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว กับแบตเตอรี่ขนาด 2,900 mAh กลับกลายเป็นสมาร์ตโฟนที่แบตฯ ใช้งานได้นานที่สุดเครื่องหนึ่งในตลาด
ทั้งนี้ iPhone 8 ตั้งใจจะออกแบบหน้าจอขนาดประมาณ 5 นิ้วเท่านั้น โดยใช้หน้าจอแบบ OLED แทนที่จอ LCD แบบเดิม ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า หากเป็นจริง iPhone 8 เปลี่ยนแปลงวงการสมาร์ตโฟนด้วยการเพิ่มขีดจำกัดการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ใช้งานติดต่อกันได้หลายวัน
2.สมาร์ตโฟนขนาดกะทัดรัด
รายละเอียดอย่างที่สองที่ Kuo เปิดเผยคือ แม้จะมีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แต่ขนาดตัวเครื่อง iPhone 8 จะไม่ใหญ่ไปกว่าตัวเครื่อง iPhone 7 ที่มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว เป็นขนาดที่ทำให้ใช้เครื่องได้ด้วยมือเดียว ถือเป็นคุณสมบัติเด่นในยุคที่ “แฟลบเบ็ต” (สมาร์ตโฟน+แทบเล็ต) มีอิทธิพลต่อตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Apple ทำได้สำเร็จโดยการตัดส่วนของตัวเครื่องที่ไม่ใช่หน้าจอทั้งด้านบนและด้านล่างออก และเป็นเทรนด์การออกแบบที่คาดว่าทั้ง LG และ Samsung จะใช้เช่นกันในปีนี้
ด้วยดีไซน์ใหม่ของ iPhone ดังกล่าวจะทำให้ Apple ต้องถอดปุ่ม Home ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ iPhone ออกไป รวมถึงระบบ Touch ID ที่จะถูกย้ายมารวมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าจอ แม้จะฟังดูเป็นเทคโนโลยีโลกอนาคต แต่แท้จริงแล้ว LG เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ไปตั้งแต่พฤษภาคม 2559 และ Apple จะเป็นค่ายแรกที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวสู่ตลาดสมาร์ทโฟน ภายหลังการจดสิทธิบัตรนวัตกรรมนี้ไปก่อนหน้านี้
การอัพเดต iPhone ครั้งใหญ่ที่สุดของ Apple
ทั้งหมดทั้งมวลนี้หมายความว่า iPhone 8 จะเป็นการอัพเดตทั้งภายในและภายนอกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ iPhone (บางข่าวกล่าวว่า iPhone รุ่นนี้จะถูกเรียกว่า ‘iPhone X’ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone) แม้บางกระแสออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการอัพเดตครั้งนี้ว่า “ช้ากว่ากำหนด” เพราะจากธรรมเนียมเดิมที่ทุก 2 ปี Apple จะปรับโฉมรูปร่างหน้าตา iPhone โดยเฉพาะ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่วางตลาดในปี 2559 ถือเป็นการใช้โมเดลเดิมซ้ำกันเป็นครั้งที่สาม ถึงขึ้นที่นักวิจารณ์บางสำนักกล่าวว่า Apple กำลังสูญเสียความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้กำไรของบริษัทรวมถึงตัวเลขยอดขายเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง
แน่นอนว่า iPhone 8 ถูกคาดหวังว่าจะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ของ Apple ซึ่งข่าวลือที่มาพร้อมๆ กับความใหม่หมดจดของ iPhone 8 คือเรื่องราคาเปิดตัวที่คาดการณ์กันว่าจะสูงถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ! (ประมาณ 35,000 บาท ณ วันที่ 16 ก.พ. 60)
เรียบเรียงจาก “Apple Leak Reveals Massive iPhone 8 Upgrade” โดย Gordon Kelly