ไฮบริดคลาวด์ ตอบโจทย์ความต้องการด้านความยืดหยุ่นให้กับผู้ค้าปลีก - Forbes Thailand

ไฮบริดคลาวด์ ตอบโจทย์ความต้องการด้านความยืดหยุ่นให้กับผู้ค้าปลีก

FORBES THAILAND / ADMIN
12 Feb 2020 | 04:00 PM
READ 1494

ผลสำรวจของนูทานิคซ์แสดงให้เห็นว่า ผู้ค้าปลีกนิยมใช้สถาปัตยกรรม ไฮบริดคลาวด์ เพื่อตอบความต้องการด้านความยืดหยุ่นและความปลอดภัยมากที่สุด

นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านคลาวด์คอมพิวติ้งที่ใช้งานในองค์กรประกาศผลสำรวจการใช้คลาวด์ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายงานดัชนีการใช้คลาวด์ขององค์กรที่ทำการสำรวจเป็นปีที่สอง โดยทำการสอบถามถึงแผนการใช้ไพรเวตคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และพับลิคคลาวด์ของผู้ประกอบการค้าปลีก

รายงานพบว่า ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ (87.5%) ระบุว่า ไฮบริดคลาวด์ เป็นรูปแบบไอทีที่เหมาะกับการดำเนินธุรกิจของตน นอกจากนี้ ผู้ค้าปลีกจำนวนมาก (72%) กำลังวางแผนที่จะย้ายแอปพลิเคชันบางตัวขององค์กรจากพับลิคคลาวด์กลับไปไว้ยังดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร

ทั้งนี้ ผู้ค้าปลีกต่างตระหนักดีว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “มีก็ดี ไม่มีก็ได้” อีกต่อไป หากแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการชนะใจ และเพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้า ใหม่ รวมถึงเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่ยืดหยุ่นจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

จากรายงานล่าสุดของ IDC ระบุว่า ภายในปี 2565 การใช้จ่ายทั่วโลกเกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่ใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้านี้ จะมีมูลค่าสูงถึง 641 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีด้านนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญระดับแนวหน้าของผู้นำทางธุรกิจ นอกจากนี้ สิ่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมไอทีในวงกว้าง คือ ผู้ค้าปลีกจำนวนมากต่างทราบดีถึงค่าใช้จ่ายจริงที่จะต้องจ่ายในระยะยาวของการใช้พับลิคคลาวด์อีกด้วย

จากรายงานผลสำรวจดัชนีการใช้คลาวด์ขององค์กรครั้งที่ 2 ค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

ผู้ค้าปลีกเน้นเรื่องความคล่องตัวมากที่สุด: ซึ่งไม่เหมือนกับการใช้ไอทีในอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ที่เน้นเรื่องค่าใช้จ่าย ผู้ค้าปลีก (54.3%) จัดอันดับให้ความสามารถในการใช้ไอทีได้อย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะตัดสินใจว่าจะวางแอปพลิเคชันแต่ละแอปไว้บนสภาพแวดล้อมคลาวด์ใดจึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ค้าปลีกจึงเป็นกลุ่มผู้นำในการเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ยืดหยุ่นมากที่สุด เพื่อให้ทันกับเทรนด์ของผู้บริโภคในยุคที่การค้าขายทำผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มากมายหลายช่องทาง ความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุด: ข้อมูลจากรายงานแสดงให้เห็นว่า การรักษาความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยสำคัญในแผนการปรับใช้คลาวด์ของธุรกิจค้าปลีก เกือบสองในสามของผู้ตอบแบบสำรวจ (63.6%) ระบุว่า ความปลอดภัยมีอิทธิพลสำคัญต่อการปรับใช้คลาวด์ในอนาคต โดยมีจำนวนผู้ตอบ 32% เห็นว่าไฮบริดคลาวด์เป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงสุด และจากการที่กฎระเบียบในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลทวีความเข้มงวดและครอบคลุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรดาผู้ค้าปลีกจึงเป็นหัวหอกในการมองหาวิธีการจัดการข้อมูลลูกค้าให้ปลอดภัยและทรงประสิทธิภาพ ซึ่งรูปแบบของการดำเนินการบนไฮบริดคลาวด์ ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยและมีความยืดหยุ่นตามที่ผู้ค้าปลีกต้องการ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นของนโยบายด้านนี้ในอนาคต ธุรกิจค้าปลีกเป็นผู้นำในการใช้ดิจิทัลแอปพลิเคชัน และการใช้ IoT cloud: ผู้ค้าปลีกมักจะคิดค้นนวัตกรรมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า จึงส่งผลให้ จำนวนผู้ค้าปลีกที่มีการใช้งานดิจิทัลแอปพลิเคชั่นและ IoT แอปพลิเคชันบนพับลิคคลาวด์สูงกว่าค่าเฉลี่ย นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกยังมีการใช้แอปพลิเคชันทางธุรกิจต่างๆ บนพับลิคคลาวด์มากกว่าอุตสาหกรรมอื่น โดยมีสัดส่วนในการใช้มัลติเพิลพับลิคคลาวด์ประมาณ 11% และซิงเกิ้ลพับลิคคลาวด์ 19%

เกร็ก สมิธ รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ นูทานิคซ์ กล่าวว่า “การคงความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เพื่อให้สามารถตอบรับการการสร้างประสบการณ์ซื้อขายให้กับลูกค้าในลักษณะ Omni channel ได้”

“ผู้ค้าปลีกมีการใช้ข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อการทำธุรกรรมแบบอี-คอมเมิร์ซ กับการช็อปปิ้งในร้านค้า ดังนั้น วิธีเดียวที่ผู้ค้าปลีกจะสามารถทำการเชื่อมต่อนี้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ คือ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ยืดหยุ่น และปรับขนาดได้ตามความต้องการ การเพิ่มขึ้นของยอด ขายบนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม ยังหมายถึงประสบการณ์ในการชำระเงินของลูกค้าด้วย ดังนั้นผู้ค้าปลีกจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยไฮบริดคลาวด์มอบความสามารถในการเคลื่อนย้ายการทำงาน และการควบคุมที่จำเป็นให้กับผู้ค้าปลีกเพื่อตอบรับกับยุคใหม่ของประสบการณ์ในการซื้อขายที่ผู้บริโภคต้องการ”

หมายเหตุ: ผู้ตอบแบบสอบถามของรายงานประจำปี 2562 นี้ มาจากอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่มีขนาดแตกต่างกันไป โดยจำแนกออกเป็นตามภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น

  อ่านเพิ่มเติม