แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป เปิดตัวบริษัทใหม่ “Alchemist” จับมือ Salesforce และ Line บริหาร Big Data ด้วย Data Activation ตอบโจทย์ลูกค้าในการตลาดยุคดิจิทัล ด้านสองผู้บริหารเผยเป็นการเสริมแกร่งกลุ่มบริษัทสู่ก้าวสำคัญผู้นำ Creative Data-Driven Company ปี 2020
รุ่งโรจน์ ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
รุ่งโรจน์ ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เผย กว่า 9 ปี ในสายงานดิจิทัลเอเจนซี ปัจจุบันบริษัทเติบโตขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัท แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดตัวบริษัทในเครือ 4 บริษัท และล่าสุดกับบริษัทใหม่ บริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น Creative Data-Driven Company ภายในปี 2020 โดยบทบาทของ
Alchemist เปรียบเป็นอาวุธใหม่ด้าน Data Activation ที่เข้ามาเสริมทัพเพื่อก้าวสู่ยุค Future of Marketing อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ข้อมูลในยุคปัจจุบันนั้นเพิ่มขึ้น โดยเกิดจากปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลถึงพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริโภคมีความซับซ้อนและยากขึ้นกว่าอดีต ซึ่งหมายถึงนักการตลาดหรือ แบรนด์ต้องปรับตัวให้เร็วมากขึ้น หากใช้ข้อมูลจากวิธีการแบบเดิม เช่น การใช้ประสบการณ์จากอดีต หรือการวิจัยตลาด อย่างเดียวอาจทำให้ไม่ได้ผล เพราะข้อมูลไม่มีความแม่นยำที่เพียงพอ และใช้เวลานานกว่าจะนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นการวางกลยุทธ์ข้อมูลที่ดีจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ”
ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด (ขวา)
ด้าน
ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด เผยว่า ในยุคปัจจุบัน Data กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ และในหลายๆ องค์กรนำ Big Data หรือ Data Analytics มาใช้งาน แต่ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็ยังมีจำกัดอยู่ในวงแคบเพียงไม่กี่อุตสาหกรรมเท่านั้น เราจึงเล็งเห็นโอกาสด้านการใช้งานเกี่ยวกับ Data ว่าไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูล และไม่จำกัดแค่การวิเคราะห์หรือคำนวณเท่านั้น แต่ข้อมูลสามารถนำมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าได้ ผ่านทางดิจิทัล แพลตฟอร์มต่างๆ ทำให้ Data เป็นประโยชน์ต่อทั้งทางแบรนด์และผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรืออุตสาหกรรมใดก็ตาม
“อัลเคมิสท์กำลังยกระดับดิจิทัลเอเจนซีไทย ที่ได้นำเอาองค์ความรู้ และประสบการณ์ที่ติดตามพฤติกรรมการเสพสื่อ ผนวกกับการตัดสินใจของผู้บริโภคในปัจจุบัน นำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับศาสตร์ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างมิติใหม่แก่วงการธุรกิจ และแนวทางพัฒนาต่อไปของแบรนด์ได้ดี หัวใจการทำงานของเราคือสามส่วนคือ กลยุทธ์ เทคโนโลยี และ ความคิดสร้างสรรค์ โดยให้บริการด้าน Data Activation หรือการนำข้อมูลในองค์กรมาสร้างคุณค่าและประสบการณ์ผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมด”
ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กล่าวและเสริมว่า
“อัลเคมิสท์เข้ามามีบทบาทและให้บริการแบบครบวงจรในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ตั้งแต่บริการที่ปรึกษาด้านข้อมูล วางแผนกลยุทธ์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการสร้างผลิตภัณฑ์จากข้อมูล ซึ่งบริการทั้งหมดนี้จะมีส่วนช่วยให้ลูกค้าและผู้บริโภคใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมถึงบริการด้านอื่นๆ เกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์และบริหารข้อมูลสำหรับการตลาดในทุกธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยจะพลิกวิถีการทำงานของเอเจนซีด้วยการผสมผสานกลยุทธ์ด้านข้อมูลเข้ากับกลยุทธ์ด้านครีเอทีฟอย่างลงตัว”
Data Activation ผู้เล่นคนสำคัญ ท่ามกลางตลาดดิจิทัล
ไชยณัฐ กล่าวต่อว่า Data Activation คือการบูรณาการข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สามารถจัดสรรและสร้างประโยชน์ได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การนำ Data มาสร้าง One-to-One Personalization ซึ่งเป็นความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่ลึกกว่าการแบ่งกลุ่มแบบ Segmentation ซึ่งจะสามารถทำให้แบรนด์มีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น หรือการสร้าง Customer Journey Automation ที่เข้าถึงลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นของการสร้างการรับรู้จากแบรนด์ ต่อเนื่องไปจนถึงกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ ด้วยการวิเคราะห์และออกแบบจากความสนใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก ตลอดจนสร้างให้เกิดการเลือกซื้อสินค้าในที่สุด ซึ่งเรียกได้ว่า Data Activation เป็นกลยุทธ์ใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการเดินเกมเพิ่มยอดขาย และยังสามารถลดต้นทุนทางการตลาดได้เช่นกัน
ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กรรมการผู้จัดการ Alchemist
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ได้เสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลกไว้อย่างมากมาย เพื่อนำความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด และตอบสนองความต้องการลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ Salesforce เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มซอฟท์แวร์ Marketing Cloud ที่เน้นด้านการนำข้อมูลมาสร้าง Cross-Channel Automation
“เราเป็น Agency Digital เจ้าแรกของประเทศไทยที่สามารถทดสอบไลเซนส์ของ Salesforce ในกลุ่มซอฟท์แวร์ Marketing Cloud ในขณะที่ LINE ที่มุ่งเน้นการพัฒนา LINE Business Connect ทำให้ LINE ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับการส่งโฆษณาหรือโปรโมชั่นให้แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังต่อยอดความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ด้วยการเปิดฟีเจอร์ Business Connect เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของแบรนด์ ทำให้เกิดรูปแบบการใช้งานและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย”
ไชยณัฐ กล่าว
“โลกยุคดิจิทัลปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าวินาทีต่อวินาที การที่เป็นผู้ตาม และการทำการตลาดแบบเดิมๆ คงไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันในสายงานด้านดิจิทัลอีกต่อไป ผู้เริ่มเล่นก่อน ลงสนามก่อนคือผู้กำหนดทิศทางที่แท้จริง เพื่อก้าวนำหน้าสร้างให้เกิดมิติใหม่แห่งวงการดิจิทัลเอเจนซี” ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กล่าวทิ้งท้าย