ตลาดคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กไตรมาสแรกปี 2561 ติดลบ ขณะที่เอเซอร์ทำยอดขายโตสวนตลาดจากกลยุทธ์ชิงมาร์เก็ตแชร์กลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊กและโน้ตบุ๊กบางเบา อย่างไรก็ตาม เชื่อตลาดปีนี้สดใสมูลค่าขายโตมากกว่า 10% หลังผู้บริโภคยินดีจ่ายแพงขึ้น เอเซอร์เตรียมจัดงานอีเวนท์ใหญ่ 2-8 สิงหาคมนี้ ลดราคาสินค้า-ชิงรางวัล
นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยข้อมูลตลาดคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กไทยปี 2561 ช่วงไตรมาสแรก ยอดขายคอมพิวเตอร์พีซีทั้งตลาดวัดตามจำนวนเครื่องติดลบ -2.44% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ส่วนยอดขายโน้ตบุ๊กทั้งตลาดวัดตามจำนวนเครื่องติดลบ -3.22%
อย่างไรก็ตาม เอเซอร์สามารถเติบโตสวนทางตลาด โดยมียอดขายคอมพิวเตอร์ไตรมาสแรกของปีเติบโต 13.66% และ ยอดขายโน้ตบุ๊กไตรมาสแรกเติบโต 8.87%
เฉพาะตลาดโน้ตบุ๊ก เอเซอร์เปิดเผยว่าบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 27.5% เมื่อปีก่อน เป็น 32.7% ในปีนี้ แสดงให้เห็นการเติบโตของเอเซอร์ส่วนหนึ่งมาจากการชิงมาร์เก็ตแชร์ได้เพิ่มขึ้น และยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาดโน้ตบุ๊กในแง่ของจำนวนขาย
เกมมิ่งโน้ตบุ๊ก-Ultra Thin สินค้าชูโรง
นิธิพัทธ์ยังคาดการณ์ด้วยว่า ปี 2561 นี้ตลาดโน้ตบุ๊กน่าจะเติบโตในแง่ของจำนวนเครื่องประมาณ 5-10% เท่านั้น แต่ในแง่ของมูลค่าตลาดเชื่อว่าจะโตมากกว่า 10% เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนเครื่องหรือซื้อเครื่องใหม่เป็นครั้งที่ 2-3 ทำให้ทราบความต้องการตนเองว่าต้องการคุณสมบัติเครื่องแบบใด และผู้บริโภคจำนวนมากตัดสินใจซื้อเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊กหรือโน้ตบุ๊กบางเบาพิเศษ (Ultra Thin) ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งโน้ตบุ๊กสองกลุ่มนี้มีราคาสูงกว่าโน้ตบุ๊กปกติ อยู่ที่ราว 25,000 บาทต่อเครื่อง
“โดยปกติสินค้าไอทีราคามักจะตกลงเรื่อยๆ แต่ปีนี้ราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊กโดยรวมกลับสูงขึ้นอยู่ที่ 19,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,000 บาท เพราะลูกค้าซื้อโน้ตบุ๊กกลุ่มที่ราคาแพงขึ้น”
นิธิพัทธ์กล่าวต่อว่า โน้ตบุ๊กกลุ่มเกมมิ่งและกลุ่มบางเบายังเติบโตเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วย โดยปัจจุบันทั้งตลาดโน้ตบุ๊กแบ่งสัดส่วนออกเป็น โน้ตบุ๊กธรรมดา 58% เกมมิ่งโน้ตบุ๊ก 18% และโน้ตบุ๊ก Ultra Thin 24% ส่วนยอดขายเฉพาะของเอเซอร์เป็นโน้ตบุ๊กธรรมดา 50% และเกมมิ่งโน้ตบุ๊กกับโน้ตบุ๊ก Ultra Thin อย่างละ 25% ซึ่งแต่เดิมเอเซอร์มองว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊กกับโน้ตบุ๊ก Ultra Thin จะมีสัดส่วนในยอดขายรวมอย่างละ 15% เท่านั้น
“ส่วนหนึ่งเกิดจากคอนเทนต์หรือเกมที่ผลิตมาต้องการคุณสมบัติเครื่องที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และกระแสอี-สปอร์ตส์ที่บูมมาก อย่างปีนี้มีทัวร์นาเมนต์แข่งขันเพิ่มขึ้นถึง 60% สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้ผู้บริโภคต้องการฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้นมารองรับ นำไปสู่การซื้อเครื่องที่สองสำหรับเล่นเกม หรือต้องการเปลี่ยนเป็นเครื่องที่ใช้เล่นเกมแบบ casual ได้ด้วย” นิธิพัทธ์กล่าว
ดังนั้น เอเซอร์จึงยังคงกลยุทธ์เน้นผลักดันตลาดกลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊กและโน้ตบุ๊ก Ultra Thin อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเป็นที่ต้องการ ยังมีกำไรที่มากกว่ากลุ่มโน้ตบุ๊กธรรมดาที่แข่งขันดุเดือดกว่า
แบรนดิ้งเจาะกลุ่มวัยรุ่น-บริการหลังขาย
สำหรับภาพรวมของแบรนด์เอเซอร์มีความสำคัญเช่นกันในการทำตลาด นิธิพัทธ์กล่าวว่า เอเซอร์มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่มาแล้ว 2-3 ปี เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอายุ 18-25 ปี ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก
“เราพยายามปรับภาพลักษณ์ให้ดูเด็กลง เพราะถ้าเราทำสเปคเครื่องดี แต่ภาพลักษณ์ดูแก่ก็ทำยอดขายไม่ได้เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม เอเซอร์ยังต้องผลักดันประเด็นนี้ต่อไปเนื่องจากค่าเฉลี่ยอายุลูกค้ายังเกินจากที่ตั้งเป้าหมายไว้
อีกส่วนที่ให้ความสำคัญคือการบริการหลังการขาย โดยนิธิพัทธ์เปิดเผยว่าปัจจุบัน การบริการหลังการขาย เป็นปัจจัยสำคัญอันดับ 4 ในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊ก รองจากความเร็ว แบตเตอรี่ และความทนทาน ต่างจากในอดีตที่บริการหลังการขายเป็นปัจจัยท้ายๆ ในอันดับ 7-8
ปัจจุบันศูนย์บริการหลังการขายมีศูนย์ของเอเซอร์เอง 11 แห่ง และศูนย์ที่ได้รับสิทธิดำเนินการจากเอเซอร์อีก 110 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมองว่าเพียงพอสำหรับการบริการแล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยหลักในการส่งซ่อมของลูกค้าคืออะไหล่ ซึ่งบริษัทมีการสต็อกอะไหล่มูลค่า 200 กว่าล้านบาทไว้ในศูนย์เอเซอร์ถนนพระราม 3 เพื่อให้มีอะไหล่พร้อมซ่อมเสร็จภายใน 3 วัน โดยไม่ต้องรอส่งอะไหล่มาจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ เอเซอร์เตรียมจัดงาน Acer Day 2018: Play Music Together ในวันที่ 2-8 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นพร้อมกัน 14 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก สำหรับประเทศไทยจัดขึ้นที่เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ภายในงานพบกับ Clearance Sale ลดสูงสุด 80%, กิจกรรมรับ Cash Back 2,000-8,000 บาทสำหรับ 100 ท่านแรกของวันที่ 2 สิงหาคม, ร่วมสนุกกิจกรรม Unlocked Game ทายรหัสถูกต้องรับโน้ตบุ๊กกลับบ้านทันที สำหรับท่านที่ไม่สะดวกร่วมงาน รับโปรโมชันผ่านตัวแทนจำหน่ายเอเซอร์ Cash Back 1,000-2,000 บาทเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์เอเซอร์รุ่นที่กำหนด