ขับเคลื่อนนวัตกรรมฝ่ายุค “ดิสรัปชั่น” ต้องเรียนรู้จาก “การลงมือทำจริง” - Forbes Thailand

ขับเคลื่อนนวัตกรรมฝ่ายุค “ดิสรัปชั่น” ต้องเรียนรู้จาก “การลงมือทำจริง”

เพราะนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังจะเข้ามามีบทบาทและดิสรัปต์ธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม องค์กรหลายแห่งเริ่มปรับตัวด้วยการออกไปหาไอเดีย ฟังแนวคิดใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับหน่วยงานของตัวเอง แต่เพียงแค่การฟังบรรยายจากงานสัมมนาต่างๆ จะช่วยก่อให้เกิดการปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมในองค์กรได้จริงหรือ

RISE หรือสถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาค (Regional Corporate Innovation Accelerator) ที่มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 1% ของจีดีพีประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อว่าการขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้จริงในองค์กรได้นั้นต้องผ่านการทดลองและลงมือทำจริง เพื่อให้เกิดการเห็นภาพ และเกิดทักษะที่สามารถนำไปใช้จริงได้ จึงเตรียมจัดงาน Corporate Innovation Summit 2020 หรือ CIS 2020 ขึ้นในวันที่ 1-3 เมษายนนี้

นพ.ศุภชัย ปาจริยานนท์ หรือ หมอคิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง RISE กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่านมา นอกจาก RISE จะเป็นหน่วยงานบ่มเพาะเร่งสปีดนวัตกรรมและเป็น Venture Capital แล้ว ยังเป็น Corporate Operation University ที่มีการฝึกสอนซีอีโอรวมถึงผู้บริหารไปแล้วกว่า 6,000 ชีวิต โดยเน้นไปที่การลงมือทำจริงจนได้เซอร์วิสใหม่ขึ้น

“เราช่วยให้องค์กรสามารถเปิดบริษัทลูกไปแล้ว 6 บริษัท และบริษัทเหล่านั้นทำรายได้ได้แล้ว 500 ล้านบาท”

นพ.ศุภชัย ปาจริยานนท์

นพ.ศุภชัย เผยอีกว่า RISE ยังเป็นผู้จัดงานสัมมนาที่แตกต่างจากงานสัมมนาอื่นๆ คือจะเป็นงานสัมมนาที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สะสมประสบการณ์ จึงเริ่มจัดงาน CIS ขึ้นครั้งแรกเมื่อปีก่อน โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มจากการเพิ่มความสามารถให้กับผู้นำในองค์กรให้พร้อมในการดำเนินการด้านนวัตกรรม เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

“ข้อมูลที่น่าสนใจคือ 7 ใน 10 ของผู้บริหารรู้ดีว่าต้องเจอกับการดิสรัปชั่น แต่มีผู้บริหารเพียง 3 ใน 10 เท่านั้นที่คิดว่าองค์กรของตนมีแผนการพร้อมเผชิญกับการกิสรัปชั่น เราจึงจัดงาน CIS ขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารที่ร่วมงานนอกจากจะได้ฟังไอเดียจากสปีกเกอร์ ยังได้ร่วมเวิร์คช็อปจริงกับสปีกเกอร์ด้วย”

นพ.ศุภชัย งาน CIS ในปีนี้ได้ต่อยอดจากควาสำเร็จของปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนเวิร์คช็อปกว่า 240 หัวข้อ รวมถึงช่วงเสวนาจากนวัตกรระดับโลกมากกว่า 200 คน อาทิ Eric Ries จาก The Lean Startup, Ed Catmull ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตผู้บริหาร Pixar, Alvin Tse ผู้จัดการทั่วไป Xiaomi อินโดนีเซีย เป็นต้น ภายใต้ 5 หัวข้อหลัก คือ นวัตกรรมองค์กร, การทำงานในอนาคต, เทคโนโลยีขั้นสูง, นวัตกรรมสร้างสรรค์ และนวัตกรรมเพื่อสังคมและความยั่งยืน

“งานในปีนี้เรายังพร้อมรองรับผู้บริหารที่จะมาร่วมงาน 20,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นบุคคลที่ลงมือทำและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพระดับโลกขนาดตั้งแต่ซีรีส์ A ขึ้นไปมาร่วมโชว์เคสอีกว่า 450 ราย ซึ่งอาจทำให้เกิดการร่วมงานกันระหว่างองค์กรและสตาร์ทอัพได้”

นพ.ศุภชัย ทิ้งท้ายว่า 3 ปีที่ผ่านมา RISE ช่วยเพิ่มจีดีพีไปแล้ว 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 0.25% ของจีดีพี ถึงแม้ยังมีสัดส่วนที่น้อย แต่เชื่อว่าการจัดกิจกรรมแบบนี้จะช่วยให้การทรานส์ฟอร์มเกิดขึ้นได้จริง และสิ่งที่ผู้ร่วมงานจะได้กลับไปไม่ใช่แค่แนวคิดใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึง skillset หรือทักษะ และ tool จากวิทยากรระดับโลกที่นำกลับไปใช้ได้จริง

  อ่านเพิ่มเติม  
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine